ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร “บ. กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส” เป็น “A-” จาก “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 2, 2017 11:30 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “A-” จากเดิมที่ระดับ “BBB+” การเพิ่มอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความสามารถในการรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทเอาไว้ได้แม้สถานการณ์ของตลาดรถยนต์มือสองไม่เอื้ออำนวยในช่วงปี 2557-2558 นอกจากนี้ การเพิ่มอันดับเครดิตยังสะท้อนสถานะทางการตลาดและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการมีแหล่งเงินทุนที่หลากหลายมากขึ้นด้วย อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงคณะผู้บริหารของบริษัทที่มีประสบการณ์ในธุรกิจรถเช่า ตลอดจนความได้เปรียบในการแข่งขันจากการได้รับความร่วมมือทางธุรกิจจากบริษัทที่เกี่ยวข้อง และสภาพคล่องทางการเงินในระดับที่เพียงพอ โดยสภาพคล่องของบริษัทได้แรงสนับสนุนจากกระแสเงินสดที่แน่นอนจากสัญญาเช่ารถยนต์ระยะยาวที่ได้รับจากลูกค้าทุกเดือน อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตลดทอนลงเล็กน้อยจากการแข่งขันที่รุนแรงและภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวยังคงกดดันความสามารถในการทำกำไรและการขยายธุรกิจของบริษัท

บริษัทกรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส ให้บริการรถยนต์เช่าดำเนินงานทั้งแบบระยะยาวและระยะสั้น สินทรัพย์ให้เช่าสุทธิของบริษัทนับแต่ปี 2552 ถึงปัจจุบันยังคงอยู่ที่ระดับ 3,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทตัดสินใจที่จะใช้กลยุทธ์แบบอนุรักษ์นิยมแทนที่จะใช้การแข่งขันด้านราคาเพื่อขยายขนาดสินทรัพย์ให้เช่า นอกจากนี้ การขยายธุรกิจในเชิงรุกของคู่แข่งรายอื่น ๆ ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดลดลงจากอันดับ 4 ในปี 2552 มาอยู่ที่อันดับ 7 ในปี 2559 จากจำนวนผู้ให้บริการรายใหญ่จำนวน 30 รายในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง การแข่งขันด้านราคาในธุรกิจรถยนต์เช่าดำเนินงานยังคงรุนแรงมาโดยตลอดโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสัญญาเช่าดำเนินงานที่มีขนาดใหญ่ ในขณะที่กลยุทธ์ของบริษัทให้ความสำคัญกับคุณภาพของการให้บริการเพื่อรักษาฐานลูกค้าและเน้นการมีผลประกอบการทางการเงินที่ดีแทนที่จะเน้นการขยายขนาดของสินทรัพย์ให้เช่า

พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 604) ซึ่งมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย ณ วันที่ 18 เมษายน 2559 กำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ของนิติบุคคลเท่ากับรายจ่ายที่ได้จ่ายเพื่อการลงทุน หรือการต่อเติมเปลี่ยนแปลง ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการ โดยรายจ่ายดังกล่าวต้องเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 ซึ่งจะถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สามารถลดภาษีได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้สินทรัพย์ให้เช่าสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 3,097 ล้านบาทในปี 2558 เป็น 3,635 ล้านบาทในปี 2559 หรือเพิ่มขึ้น 17% หลังจากที่ทรงตัวมาเป็นเวลาหลายปี ทั้งนี้ ในปี 2559 บริษัทมีรถยนต์ที่ให้เช่าจำนวน 8,226 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 6,967 คันในปี 2558

บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันเหนือคู่แข่งจากการได้รับความร่วมมือทางธุรกิจจากบริษัทที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บริษัทจัดซื้อรถยนต์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ให้เช่าในสัดส่วนมากกว่า 50% ของรถยนต์ที่จัดซื้อทั้งปีผ่านตัวแทนจำหน่ายซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่คือตระกูลจันทรเสรีกุลเป็นเจ้าของ การจัดซื้อรถยนต์จากตัวแทนจำหน่ายของผู้ถือหุ้นใหญ่ทำให้บริษัทได้ประโยชน์ด้านข้อมูลเกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษจากผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งช่วยให้บริษัทจัดซื้อรถยนต์ให้เช่าในราคาที่ต่ำกว่า และนอกจากการมีศูนย์บริการทั่วประเทศกว่า 800 แห่งซึ่งบริษัททำสัญญาทางธุรกิจด้วยแล้ว บริษัทยังเป็นเจ้าของศูนย์บริการของตนเองซึ่งทำให้สามารถควบคุมต้นทุนการบำรุงรักษาที่ไม่จำเป็นอันอาจเกิดจากศูนย์บริการภายนอกด้วย บริษัทยังจัดจำหน่ายรถยนต์ให้เช่าซึ่งหมดสัญญาเช่ากับลูกค้าแล้วผ่านทางบริษัทลูกคือ บริษัท กรุงไทย ออโตโมบิล จำกัด ซึ่งประสบการณ์ของผู้บริหารของบริษัทกรุงไทย ออโตโมบิลและการได้รับการรับรองคุณภาพรถยนต์ใช้แล้วภายใต้โครงการ “โตโยต้าชัวร์” ช่วยให้บริษัทสามารถจำหน่ายรถยนต์ให้เช่าที่หมดสัญญาในราคาที่สูงกว่าการจำหน่ายผ่านตัวแทนรับประมูลทั่วไป ซึ่งทำให้บริษัทมีกำไรอย่างต่อเนื่องจากการขายรถยนต์ที่หมดสัญญาเช่า

บริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวที่ผ่านมา คู่แข่งบางรายประสบกับปัญหาขาดทุน ในขณะที่บริษัทยังคงมีกำไรเป็นประจำในระดับ 200-400 ล้านบาทต่อปีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ในปี 2559 บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากถึง 331 ล้านบาทจาก 203 ล้านบาทในปี 2558 การเพิ่มขึ้นอย่างมากดังกล่าวเป็นผลมาจากการมีกำไรจากการขายรถยนต์ให้เช่าที่หมดสัญญาและการได้รับผลประโยชน์ทางภาษีจากพระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับที่ 604 ดังกล่าว อัตราส่วนกำไรต่อสินทรัพย์เฉลี่ยของบริษัทอยู่ที่ 7.8% ในปี 2559 เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 1.2% อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้วถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ดี การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อการทำกำไรและการขยายขนาดสินทรัพย์ให้เช่าของบริษัทต่อไป

ที่ผ่านมา บริษัทใช้การกู้ยืมเงินใหม่ในการขยายขนาดสินทรัพย์ให้เช่าเป็นส่วนใหญ่ โดยบริษัทใช้วิธีกู้ยืมจากสถาบันการเงินต่างๆ ภายใต้สัญญาเช่าซื้อและลีสซิ่ง ในปี 2559 เงินกู้ยืมของบริษัทเพิ่มสูงสุดที่ 2,523 ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพิ่มขึ้นจาก 1.1 เท่าในปี 2558 เป็น 1.3 เท่าในปี 2559 อย่างไรก็ดี ระดับดังกล่าวยังถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 7.3 เท่า ฐานเงินทุนของบริษัทในปัจจุบันมีเพียงพอที่จะสนับสนุนแผนการขยายสินทรัพย์ให้เช่าในระยะปานกลาง

การกู้ยืมบางส่วนของบริษัทเป็นการกู้ยืมภายใต้สัญญาเช่าซื้อซึ่งมีรถยนต์เป็นหลักประกันซึ่งทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินน้อยกว่าบริษัทคู่แข่งหลักซึ่งกู้ยืมเงินโดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน นอกจากนี้ คู่แข่งหลักของบริษัทยังเป็นบริษัทในเครือของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ซึ่งให้การสนับสนุนทางด้านการเงินแก่คู่แข่งเหล่านี้อีกด้วย ดังนั้น เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทจึงได้เริ่มกระจายแหล่งเงินทุนให้หลากหลายมากขึ้น โดยในปี 2560 บริษัทได้ออกหุ้นกู้จำนวนหนึ่ง แหล่งเงินทุนที่หลากหลายช่วยให้บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินที่ดีขึ้น บริษัทมีสินทรัพย์สภาพคล่องจากสินทรัพย์รอการขายและรถยนต์ที่ไม่ติดภาระค้ำประกันซึ่งใช้สำรองไว้ในยามที่ต้องเผชิญกับปัญหาสภาพคล่อง ทั้งนี้ สินทรัพย์สภาพคล่องดังกล่าวจะช่วยลดทอนความเสี่ยงจากความไม่สอดคล้องกันของสินทรัพย์และหนี้สินระยะสั้นได้

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ของบริษัทอยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสามารถดำรงสถานะทางธุรกิจและการเงิน รวมถึงสามารถรักษาฐานลูกค้าหลักกลุ่มเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ได้ รวมถึงมีผลประกอบการที่น่าพอใจด้วยเช่นกัน

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตยังมีจำกัดในระยะสั้นภายหลังจากการเพิ่มอันดับเครดิตในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี สถานะเครดิตของบริษัทอาจปรับเพิ่มขึ้นได้อีกหากบริษัทสามารถพัฒนาสถานะทางธุรกิจและการเงินให้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและยั่งยืน ในทางกลับกัน อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับผลกระทบในเชิงลบหากสถานะทางธุรกิจและการเงินของบริษัทเสื่อมถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ

บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) (KCAR)
อันดับเครดิตองค์กร A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html





เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ