ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. บัตรกรุงศรีอยุธยา” ที่ “AAA” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 13, 2017 11:00 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด ที่ระดับ “AAA” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะในการเป็นบริษัทย่อยที่เป็นธุรกิจหลักของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ และได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “AAA” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงคณะผู้บริหารที่มากประสบการณ์และสถานะความเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจบัตรเครดิต

บริษัทบัตรกรุงศรีมีฐานะเป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยมีสถานะเป็นบริษัทในกลุ่ม Solo Consolidation ภายใต้การกำกับดูแลแบบรวมกลุ่มของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งทริสเรทติ้งพิจารณาเห็นว่าบริษัทมีฐานะเป็นบริษัทลูกที่เป็นธุรกิจหลักของกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา บริษัทเป็นหน่วยธุรกิจที่มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธุรกิจของธนาคารภายใต้ชื่อ “กรุงศรี คอนซูมเมอร์” ซึ่งเป็นธุรกิจหลักและมีฐานลูกค้าที่สำคัญของธนาคารกรุงศรีอยุธยา นอกจากนี้ บริษัทยังมีระบบปฏิบัติการร่วมกับธนาคารอย่างเต็มรูปแบบและประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจตามที่ธนาคารคาดหวังอีกด้วย

บริษัทอยู่ภายใต้การดูแลและกำกับโดยธนาคารแม่อย่างใกล้ชิดเสมือนหนึ่งว่าอยู่ภายใต้การควบคุมทางอ้อมโดยธนาคารแห่งประเทศไทย การกำกับดูแลภายใต้มาตรฐานเดียวกันโดย ธปท. ทำให้บริษัทมีระบบปฏิบัติการที่เหมาะสมและมีระบบบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินในระดับสูงในฐานะที่เป็นบริษัทในกลุ่ม Solo Consolidation ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาด้วย บริษัทได้รับการสนับสนุนทางการเงินที่เพียงพอและต่อเนื่องจากธนาคารในรูปของวงเงินสินเชื่อ

ในส่วนของความร่วมมือทางธุรกิจนั้น บริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสาขาของธนาคารที่มีอยู่ทั่วประเทศในการขยายฐานลูกค้า รวมถึงเป็นช่องทางการชำระเงินและบริการด้วย โดยมากกว่า 50% ของจำนวนบัตรเครดิตใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้นมาจากการแนะนำผ่านสาขาต่าง ๆ ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา นอกจากนี้ ธนาคารยังให้การสนับสนุนบริษัทในด้านการรวมศูนย์ระบบปฏิบัติการและระบบบริหารความเสี่ยง การตรวจสอบภายใน และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ได้มาตรฐาน

คณะผู้บริหารของบริษัทมีประสบการณ์เป็นที่ยอมรับ และบริษัทมีสถานะความเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจบัตรเครดิต อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีแรงกดดันจากภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในอุตสาหกรรมสินเชื่อเพื่ออุปโภคและบริโภคและภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพเครดิตและความสามารถในการทำกำไรของบริษัท นอกจากนี้ การปรับปรุงเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับของ ธปท. ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2560 อาจจะจำกัดการขยายตัวของธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรด้วย

บริษัทบัตรกรุงศรีเป็นบริษัทลูกที่เป็นธุรกิจหลักในกลุ่ม “กรุงศรี คอนซูมเมอร์” ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นเรือธงในการให้บริการบัตรเครดิตในธุรกิจสินเชื่อรายย่อยของธนาคารกรุงศรีอยุธยา บัตรเครดิตของบริษัทออกภายใต้ชื่อ “บัตรกรุงศรี” และยังออกร่วมกับพันธมิตรอื่น ๆ อีก ได้แก่ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อ “บัตร HomePro” บริษัท เอไอเอ จำกัด ภายใต้ชื่อ “บัตร AIA” และสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ภายใต้ชื่อ “บัตร MANU” ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจที่ยาวนานมากกว่า 15 ปี บริษัทสร้างคณะผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพและพัฒนารูปแบบธุรกิจที่เข้มแข็งจนทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในการแข่งขัน บริษัทรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิตโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาด 11% ของมูลค่าสินเชื่อบัตรเครดิตคงเหลือรวมของทั้งอุตสาหกรรมในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา เงินให้สินเชื่อรวมของบริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วจาก 29,502 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2555 เป็น 37,789 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2556 เพิ่มขึ้น 28% หลังการควบรวมธุรกิจบัตรเครดิตของธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด (HSBC) สาขากรุงเทพฯ เข้ามา เงินให้สินเชื่อรวมของบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็น 44,054 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2559 ซึ่งคิดเป็น 96% ของสินทรัพย์รวมของบริษัท

บริษัทมีระบบการให้สินเชื่อและระบบการจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพช่วยทำให้บริษัทสามารถรักษาอัตราส่วนสินเชื่อค้างชำระของบัตรเครดิต (เกิน 90 วัน) ต่อสินเชื่อบัตรเครดิตรวมให้อยู่ที่ระดับ 1.1% ณ สิ้นปี 2559 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 2.8% เช่นเดียวกันกับสินเชื่อส่วนบุคคลซึ่งบริษัทรายงานอัตราส่วนสินเชื่อค้างชำระของสินเชื่อส่วนบุคคล (เกิน 90 วัน) ต่อสินเชื่อส่วนบุคคลรวม ที่ระดับ 2.1% ณ สิ้นปี 2559 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 3.2% บริษัทให้สินเชื่อส่วนบุคคลแก่ลูกค้าบัตรเครดิตของบริษัทเท่านั้น บริษัทมีนโยบายการตั้งสำรองที่เข้มงวดโดยกำหนดอัตราค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อรวมไว้ที่ระดับ 6.3% ณ สิ้นปี 2559 ซึ่งส่งผลให้สัดส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อค้างชำระ (เกิน 90 วัน) เพิ่มขึ้นเป็น 545% ณ สิ้นปี 2559 คาดว่าเป็นอัตราที่เพียงพอที่จะทำให้บริษัทสามารถรับมือกับความผันผวนในการดำเนินธุรกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และการบังคับใช้ IFRS9 ในปี 2562

บริษัทมีผลประกอบการทางการเงินที่มีแนวโน้มดีขึ้น โดยกำไรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็น 1,427 ล้านบาทในปี 2559 จาก1,213 ล้านบาทในปี 2558 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3.2% ในปี 2559 จาก 2.8% ในปี 2558 กำไรสุทธิของบริษัทสำหรับปี 2559 คิดเป็นสัดส่วน 6.6% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมของธนาคารกรุงศรีอยุธยา เกณฑ์การกำกับดูแลใหม่ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2560 อาจจะกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทโดยเฉพาะในส่วนของการปรับลดเพดานดอกเบี้ยที่สามารถเรียกเก็บจากลูกค้าลง อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถปรับตัวได้และทำให้เกิดผลการดำเนินงานทางการเงินในระดับที่ยอมรับได้

บริษัทมีการบริหารจัดการสินทรัพย์และหนี้สินที่ดีภายใต้การควบคุมของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของบริษัทมิได้เป็นประเด็นที่น่ากังวลมากนัก ทั้งนี้ การที่บริษัทมีสถานะเป็นบริษัทในกลุ่ม Solo Consolidation ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาช่วยทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินและมีสถานะสภาพคล่องที่เพียงพอจากการได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแม่

บริษัทได้เพิ่มความแข็งแกร่งของฐานทุนผ่านการเพิ่มทุนในปี 2557 โดยหลังจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัทได้เปลี่ยนสถานะมาเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นชาวต่างชาติ สถานะของบริษัทก็เปลี่ยนมาเป็นบริษัทต่างชาติด้วยเช่นกัน โดยภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวกำหนดให้บริษัทต้องดำรงฐานทุนชำระแล้วที่เพียงพอเพื่อรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ชำระแล้วไม่ให้มากกว่า 7 เท่า นอกจากนี้ บริษัทมีข้อกำหนดสิทธิและหน้าที่ของผู้ถือหุ้นกู้ที่ต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไม่ให้ต่ำกว่า 6 เท่า ทั้งนี้ อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมของบริษัทยังดำรงอยู่ในระดับสูงที่ 21.5% ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 3.7 เท่า ณ สิ้นปี 2559 และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนชำระแล้วอยู่ที่ 6.1 เท่า ณ สิ้นปี 2559

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าบริษัทจะคงสถานะความเป็นบริษัทย่อยที่เป็นธุรกิจหลักของกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยาและยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารแม่ต่อไป

สถานะด้านเครดิตของบริษัทอาจได้รับผลกระทบในกรณีที่สถานะด้านเครดิตของกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยาเปลี่ยนแปลงไป หรือเมื่อทริสเรทติ้งเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในระดับของการสนับสนุนที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยามีต่อบริษัท หรือเมื่อความสำคัญของบริษัทที่มีต่อกลุ่มเปลี่ยนแปลงไป

บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด (KCC)
อันดับเครดิตองค์กร AAA
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
KCC189A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 AAA
KCC199A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,900 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 AAA
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ