กรุงเทพฯ--12 ต.ค.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
แอร์คาลิน สายการบินที่มีฐานการบินอยู่ที่เมืองนิวเมีย ในนิวแคลิโดเนีย ดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศสได้ยืนยันคำสั่งซื้อเครื่องบินทางเดินเดี่ยวรุ่น เอ320นีโอ จำนวนสองลำและเครื่องบิน ลำตัวกว้าง เอ330-900 อีกสองลำ
เครื่องบินเอ320 นีโอ ที่ติดตั้งเครื่องยนต์แพรทแอนด์วิทนีย์จะมีที่นั่งทั้งหมด 168 ที่นั่ง และจะใช้ทำการบินในเส้นทางภูมิภาคไปยังออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิค ส่วนเอ330นีโอจะติดตั้งเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ เทรนท์ 7000 รุ่นใหม่ล่าสุด และติดตั้งที่นั่ง 26 ที่นั่งในชั้นธุรกิจ 21 ที่นั่งในชั้นพรีเมี่ยมและ 244 ที่นั่งในชั้นประหยัด แอร์คาลินวางแผนที่จะใช้เครื่องบินรุ่นนี้ในเที่ยวบินพาณิชย์สู่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อการเชื่อมต่อที่กว้างและไกลออกไป
"การลงทุนในฝูงบินใหม่ด้วยเครื่องบินที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพของเรา จะช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของเราด้วยการลดการเผาผลาญเชื้อเพลิง และช่วยให้แอร์คาลินลดต้นทุนการปฎิบัติงานลงด้วย พร้อมทั้งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่เครื่องบินติดตั้งจะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของแอร์คาลินไปข้างหน้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกรวมถึงความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวในนิวแคลิโดเนีย" ดิดิเย่ร์ แทปเปอโร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอร์คาลินกล่าว
"เป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นแอร์คาลินยกระดับฝูงบินให้ทันสมัยด้วยเครื่องบินทางเดินเดี่ยวและ เครื่องบินทางเดินคู่รุ่นใหม่ล่าสุดของเรา เอ330นีโอ และเอ320นีโอ จะช่วยให้แอร์คาลินสามารถมอบความสะดวกสบายที่เหนือระดับให้แก่ผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี" จอห์น ลีฮีย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฝ่ายลูกค้า ของแอร์บัส คอมเมอร์เชียล แอร์คราฟท์ กล่าว
"แอร์คาลิน จะได้รับประโยชน์จากความคล้ายคลึงกันในบรรดาเครื่องบินรุ่นต่างๆ ในตระกูลของแอร์บัส ซึ่งจะได้ประสิทธิภาพทั่วทั้งฝูงบินที่มีอยู่"
เครื่องบินเอ330นีโอ ติดตั้งเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ เทรนท์ 7000 รุ่นใหม่ล่าสุด มีปีกแบบใหม่และห้องโดยสารใหม่ เครื่องบินรุ่นนี้ได้รับประโยชน์จากความอเนกประสงค์และความน่าเชื่อถือของ เอ330 แต่ลดการใช้เชื้อเพลิงได้ถึงร้อยละ 14 ทำให้กลายเป็นเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพด้านต้นทุนมากที่สุดในประเภทเครื่องบินลำตัวกว้างขนาดเล็กถึงขนาดกลางในตลาด
เครื่องบินตระกูล เอ320นีโอ นั้นเป็นรุ่นที่ประกอบด้วยเทคโนโลยีล่าสุดที่รวมถึงเครื่องยนต์และชาร์คเล็ทรุ่นใหม่ ซึ่งเมื่อผนวกรวมกันจะประหยัดเชื้อเพลิงอย่างน้อยร้อยละ 15 และในปี 2563 จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญขึ้นอีกเป็นร้อยละ 20 และนับตั้งแต่ที่เครื่องบินรุ่นนี้เปิดตัวขึ้นเมื่อปี 2553ด้วยยอดคำสั่งซื้อที่มีกว่า 5,200 คำสั่งซื้อจากลูกค้ากว่า 95 ราย จึงทำให้เครื่องบินตระกูล เอ320นีโอ นั้นครองส่วนแบ่งทางตลาดได้ถึงร้อยละ 60