จาก “ผู้ช่วย” สู่ “เพื่อนร่วมงาน” เมื่อ AI มีครบทั้ง “สมอง ปาก และแขนขา”

ในขณะที่องค์กรทั่วโลกกำลังเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับการทำงานร่วมกับ Generative AI (GenAI) คลื่นการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีลูกใหม่ที่ทรงพลังยิ่งกว่าได้เริ่มก่อตัวขึ้นแล้วในชื่อ Agentic AI ซึ่งกำลังจะยกระดับขีดความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ไปสู่มิติใหม่ที่น่าจับตา
วันนี้ GenAI คือเทคโนโลยีที่ทุกคนรู้จัก เปรียบเสมือนมาตรฐานใหม่ที่เข้ามาช่วยสร้างสรรค์เนื้อหาหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ วิดีโอ หรือแม้แต่โค้ดโปรแกรม ทำให้มันกลายเป็น “ผู้ช่วย” ที่หลายคนขาดไม่ได้ในการทำงาน แต่บนเวทีสัมมนา The Story Thailand Forum 2025 ผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรชั้นนำได้มาร่วมฉายภาพอนาคตที่ AI กำลังจะวิวัฒนาการไปไกลกว่านั้น
Agentic AI คืออะไร ต่างจาก GenAI อย่างไร
หาก AI แบบดั้งเดิมคือ “สมอง” และ GenAI คือการเติม “ปาก” ที่ทำให้สื่อสารได้ Agentic AI ก็คือการนำสมองและปากมาบวกกับ “แขนขา” ทำให้ AI ไม่ได้ทำแค่ตอบคำถาม แต่สามารถรับคำสั่งไปลงมือปฏิบัติงานจริงได้ด้วยตัวเอง ดังที่ดร.ทัดพงศ์ พงศ์ถาวรกมล Managing Director บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ได้อธิบายให้เห็นภาพง่าย ๆ ในระหว่างการบรรยายหัวข้อ “Agentic AI Transformation”
ดร.ทัดพงศ์ได้ขยายความแตกต่างของ AI แต่ละประเภทให้ชัดเจนยิ่งขึ้นผ่านการเปรียบเทียบใน 5 มิติหลัก:
มิติการเปรียบเทียบ | Generative AI | Agentic AI |
เป้าหมาย | สร้างเนื้อหา | ลงมือปฏิบัติการ |
การทำงาน | รอรับคำสั่ง | ทำงานเชิงรุกและเป็นอัตโนมัติ |
การตัดสินใจ | จำกัดอยู่แค่การสร้างเนื้อหา | จัดการกระบวนการได้ตั้งแต่ต้นจนจบ |
การเรียนรู้ | ค่อนข้างหยุดนิ่งหลังการฝึก | เรียนรู้และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง |
การบูรณาการ | เครื่องมือให้ความช่วยเหลือ | ควบคุมและประสานงานได้ทั้งระบบ |
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้คือการยกระดับสถานะของ AI จาก “Co-pilot” ที่คอยให้คำแนะนำ สู่การเป็น “Co-worker” หรือเพื่อนร่วมงานที่สามารถรับผิดชอบโปรเจกต์และทำงานให้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยตัวเอง
ผลลัพธ์ที่ก้าวกระโดด: จากการสร้างสรรค์สู่การปฏิบัติ
หนึ่งในบทพิสูจน์ที่ทรงพลังคือ เดโม “AI Coding Agent” ของ KBTG ที่แสดงให้เห็นว่างานเขียนโค้ดที่โปรแกรมเมอร์เคยใช้เวลา “ครึ่งวัน” AI Agent สามารถทำให้เสร็จได้ในเวลาเพียง “10 นาที” พร้อมเขียนรายงานสรุปกลับมาให้เรียบร้อย
“AI ทำได้ GenAI ทำได้ดีขึ้น AI Agent ทำได้ดีกว่าเดิม” ดร.ทัดพงศ์ย้ำถึงศักยภาพที่แตกต่าง
ขณะเดียวกัน ดร.ทุตานนท์ สินธุประสิทธิ์ R&D & Innovation Lab Lead บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งบรรยายในหัวข้อ “Innovate & Ignite: SCBX’s drive for sustainable future” ได้ยกตัวอย่างโครงการ “Agentic AI Financial Advisory Platform” ที่แสดงให้เห็นถึงการสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม เมื่อถามคำถามเดียวกันว่า “หุ้น Microsoft (MSFT) ตอนนี้ควรเข้าหรือไม่”
- คำตอบจาก GenAI ทั่วไป: มักจะได้ผลลัพธ์เป็นข้อความยาว ๆ ที่รวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง ซึ่งผู้ใช้ต้องนำไปวิเคราะห์และสังเคราะห์ต่อเอง
- คำตอบจาก SCBX Agentic AI: ระบบจะนำเสนอเป็นข้อมูลที่จัดระเบียบและวิเคราะห์มาแล้ว เช่น การสรุปสัญญาณทางเทคนิคว่าเป็น “Buy” หรือ “Sell”, การวิเคราะห์อัตราส่วนความเสี่ยง (Risk Ratio) และการแสดงผลเป็นกราฟที่เข้าใจง่าย
“ตัวสมองของเขาเนี่ย มันประกอบไปด้วย AI agent หลาย ๆ ตัวที่ทำงานร่วมกัน… มี orchestrator เป็นตัวสั่งงาน มีหลาย ๆ ตัวที่แบบว่ามีความสามารถพิเศษ” ดร.ทุตานนท์อธิบาย
พิมพ์เขียวสู่การปฏิวัติองค์กร: 5 ขั้นตอนการทำ Agentic AI Transformation
ดร.ทัดพงศ์ จาก KBTG ยังได้เปิดเผยพิมพ์เขียว 5 ขั้นตอนที่ทุกองค์กรสามารถนำไปปรับใช้ได้ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย Agentic AI
- ตั้งเป้าหมายและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน: กำหนดทิศทางว่าองค์กรจะใช้ AI เพื่ออะไร
- เลือกทำในจุดที่สร้างผลกระทบสูง: สร้าง AI Landscape เพื่อจัดลำดับความสำคัญของงาน
- ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและข้อมูล: สร้างแพลตฟอร์มกลางที่เปรียบเสมือน “โรงงาน” ให้ AI Agent ทำงานร่วมกัน
- ส่งเสริมความร่วมมือข้ามสายงาน: “อันนี้ผมว่าคือจุดที่สำคัญที่สุดเพื่อให้การทำ transformation มันเกิดขึ้นได้คือทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน” ดร.ทัดพงศ์เน้นย้ำ โดยที่ KBTG ได้จัดตั้งสภาที่เรียกว่า KBTG Democratization of AI (K-DAI) ขึ้นมาเพื่อรวมผู้บริหารจากทุกสายงานมากำหนดทิศทางร่วมกัน
- ติดตามและวัดผลความสำเร็จ: กำหนดตัวชี้วัดที่สมดุลทั้งผลกระทบทางธุรกิจ ขีดความสามารถทางเทคโนโลยี และการพัฒนาคน
โมเดลนี้กำลังจะเปลี่ยนบทบาทของมนุษย์ในที่ทำงานไปอย่างสิ้นเชิง ดังที่ ดร.ทัดพงศ์สรุปว่า “ต่อไปโปรแกรมเมอร์ท่านจะไม่ใช่เป็น junior programmer แต่ท่านจะเป็นเหมือน foreman นะครับ ที่มีลูกน้องหลาย ๆ คนเป็น AI Agent ที่คอยเขียนโค้ดให้ท่าน”
วิสัยทัศน์จาก MIT: เมื่อ AI ไม่ได้มีไว้แค่เพิ่มประสิทธิภาพ
ในขณะที่โลกธุรกิจมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพ ดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร นักวิจัยไทยจาก MIT Media Lab ได้เสนอภาพอนาคตที่กว้างและลึกซึ้งกว่าในหัวข้อ “Flourishing Cyborgs: Designing Human-AI Interactions for Promoting Wisdom, Wonder, and Wellbeing” โดยชี้ว่า Agentic AI สามารถออกแบบให้เป็นพาร์ตเนอร์ที่ยกระดับสติปัญญาและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ได้ ผ่านโปรเจกต์ที่น่าทึ่งหลายชิ้น:
- Large Human Models: สร้าง “มนุษย์จำลอง” หรือ AI Agent ที่มีโปรไฟล์และเป้าหมายชีวิตของตัวเอง แล้วส่งเข้าไป “ใช้ชีวิต” ในโลกเสมือนเพื่อทดลองผลกระทบของนโยบายทางสังคม “เราก็อาจจะสร้าง AI Agent ที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในโลกเสมือนที่เราสร้างขึ้นมา แล้วก็สามารถจะ track การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนได้” ดร.พัทน์อธิบาย
- Future You: นอกจากระดับสังคมแล้ว แนวคิดนี้ยังถูกนำมาประยุกต์ใช้ในระดับบุคคลผ่านโปรเจกต์ “Future You” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ KBTG โดยผู้ใช้สามารถ “พูดคุยกับตัวเองในอนาคต” ที่ AI สร้างขึ้น ซึ่งผลการวิจัยพบว่าช่วยลดความวิตกกังวลและกระตุ้นให้คนวางแผนเพื่ออนาคตได้ดีขึ้น จนได้รับเลือกจากนิตยสาร Fast Company ให้เป็นหนึ่งใน “World Changing Ideas” ประจำปี 2025
- Cyber Subin: โปรเจกต์ที่สร้าง AI Agent ซึ่งเรียนรู้ “DNA ของโขน” จากท่ารำแม่บท แล้วใช้หลักการนั้นมาสร้างสรรค์ท่ารำใหม่ ๆ ร่วมกับศิลปินแห่งชาติอย่างคุณพิเชษฐ กลั่นชื่น พิสูจน์ว่า Agentic AI สามารถเป็นเครื่องมือในการต่อยอดมรดกวัฒนธรรม ไม่ใช่แค่การอนุรักษ์
- Proactive Agents: คือ AI ที่ทำงานเชิงรุกเพื่อกระตุ้นความคิดของเราในชีวิตจริง เช่น “Wearable Reasoner” AI ในแว่นตาที่คอยฟังบทสนทนาและให้ฟีดแบ็กหากพบตรรกะที่ไม่สมเหตุสมผล
- Chat with the beluga: โปรเจกต์ที่สร้าง AI Agent ในร่างของวาฬเบลูก้า มาพูดคุยเพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าสามารถเปลี่ยนทัศนคติและสร้างแรงจูงใจให้คนลงมือทำได้จริง
ในโลกยุคปัจจุบัน แม้แต่ธุรกิจเทคโนโลยีที่ดูเหมือนเปลี่ยนแปลงเร็วตลอดเวลา แต่การมาถึงของ Agentic AI ยังต้องทำให้ทุกคนกล้าปรับตัวและเรียนรู้ใหม่อีกครั้ง
“ผมก็ทำ AI มาหลายปีนะครับ รู้สึกว่าตอนนี้ก็กลับมาอยู่ที่ day one อีกรอบนึง ไม่ว่าจะเป็นบริบทของตัวเอง บริษัท หรือประเทศ” ดร.ทัดพงศ์กล่าว สะท้อนว่านี่คือโอกาสที่ทุกคนต้องเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่พร้อมกัน
อนาคตที่เริ่มต้นแล้ววันนี้
Agentic AI ไม่ใช่แค่วิวัฒนาการครั้งถัดไปของเทคโนโลยี แต่เป็นการปฏิวัติที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน การคิด และการใช้ชีวิตของเราอย่างสิ้นเชิง
จากการเป็นเพียง “เครื่องมือ” AI กำลังพัฒนาไปสู่การเป็น “พาร์ตเนอร์” ที่ไม่เพียงช่วยงานเราเท่านั้น แต่ยังสามารถคิดวิเคราะห์ วางแผน และดำเนินการไปพร้อมกับเรา
สำหรับองค์กรและบุคคลที่ต้องการเตรียมพร้อมสู่อนาคตนี้ สิ่งสำคัญคือการเริ่มต้นเรียนรู้และทดลองใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ตั้งแต่วันนี้
ยุคของ Agentic AI ไม่ใช่เรื่องในอนาคต แต่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน คำถามสำคัญคือ เราจะปรับตัวและใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างไร?