ในยุคข้าวยากหมากแพงแบบนี้ หลายคนคงหันมารัดเข็มขัด กันมากขึ้น โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่ต้องใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน แถมบางครั้งยังมีค่าใช้จ่ายไม่คาดคิดโผล่มาให้ปวดหัวอีกต่างหาก เพื่อให้การเงินคล่องตัวขึ้น แถมยังมีเงินเก็บด้วย เราได้รวบรวม วิธีเก็บเงินให้อยู่สำหรับมนุษย์เงินเดือน มาฝาก รับรองว่าไม่ต้องกังวลว่าสิ้นเดือนนี้เงินจะพอใช้หรือไม่ เพราะถ้าทำตามได้ มีโอกาสเหลือเก็บแน่นอน
1. หักเก็บก่อนใช้
เก็บเงินยังไงให้อยู่ วิธีแรกที่ต้องทำเลยสำหรับมนุษย์เงินเดือน คือ หักเก็บก่อน เหลือเท่าไรค่อยใช้ โอนเงินเข้าบัญชีเก็บออมทันทีที่เงินเดือนออก ที่แนะนำให้ทำแบบนี้เพราะหลาย ๆ คนที่เริ่มออมเงิน มักจะนำเงินไปใช้ก่อนแล้วเหลือเท่าไหร่ค่อยนำไปเก็บออม สุดท้ายแล้วก็จะพบปัญหาว่าไม่เหลือเงินให้เก็บ สำหรับการออมเงิน ขอแนะนำว่าให้เริ่มออม ประมาณ 10–20% ของรายได้ โดยเข้าบัญชีที่โอนเข้าควรแยกต่างหากที่ไม่มีบัตรกดเงิน หรือผูกกับแอปพลิเคชันใช้จ่าย วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณเผลอหยิบยืมใช้เงินออมด้วย
2.ลงทุนต่อยอดเงินออม
เก็บเงินออม 10-20% ของรายได้แล้ว เราไม่ควรเก็บแค่ฝากออมทรัพย์ นำเงินออมบางส่วนไปลงทุน กระจายไปที่ กองทุนรวม หุ้น หุ้นกู้ หรือประกันสะสมทรัพย์ ซึ่งก็แล้วแต่ตามความเสี่ยงที่เรารับได้ เพื่อต่อยอดเงินให้เติบโตขึ้น
3.มีแผนการเงินที่ชัดเจน
การมีแผนเงินที่ชัดเจน ควรกำหนดเป้าหมายเพื่อที่จะช่วยให้เราโฟกัส และมีแรงจูงใจ ในการเก็บเงินได้ดีขึ้น เช่น “เก็บเงิน 30,000 บาท ภายใน 1 ปี เพื่อไปเที่ยวต่างประเทศ” หรือ “เก็บเงินให้ได้ 300,000 ภายใน 3 ปี” พร้อมทั้งวางวิธีการออมที่เหมาะสม เช่น หักเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ กองทุน หรือสลากออมสินตามจำนวนที่ตั้งไว้ต่อเดือน การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนแบบนี้ จะทำให้การตัดสินใจใช้จ่ายง่ายขึ้นได้ สุดท้ายควรติดตามผลและปรับแผนทุก 3–6 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่ายังเดินไปสู่เป้าหมายได้ตามที่กำหนดไว้
4.สร้างบัญชีเงินสำรองฉุกเฉิน
เพราะไม่มีใครรู้ว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิดจะมาเมื่อไหร่ เช่น ตกงานกะทันหัน เจ็บป่วย ต้องซ่อมรถ หรือมีค่าใช้จ่ายเร่งด่วน การมีเงินก้อนนี้จะช่วยให้เราไม่ต้องเป็นหนี้เพิ่ม ควรเก็บไว้ประมาณ 3–6 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน เช่น ถ้าค่าใช้จ่ายต่อเดือน 10,000 บาท ควรมี 30,000–60,000 บาท แยกบัญชีออกต่างหากและตั้งหักเงินอัตโนมัติจะดีที่สุด
5.แยกบัญชีรายจ่าย
เราควรทำลิสต์และบัญชีสำหรับค่าใช้จ่ายประจำ เช่น ค่าบ้าน ค่าน้ำไฟ ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ และอีกบัญชีสำหรับใช้จ่ายส่วนตัว จะช่วยให้เห็นรายจ่ายได้ชัดเจนมากขึ้นและวางแผนได้ง่าย
6.ทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย
เพียงแค่ลองจดทุกค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปในแต่ละวัน ก็จะทำให้เห็นพฤติกรรมการเงินของตัวเองชัดเจนขึ้นทันที และรู้ได้เลยว่ามีค่าใช้จ่ายส่วนไหนที่ควรลด หรือตัดออกไปบ้าง อย่าเพิ่งท้อกับการบันทึกรายรับ-รายจ่าย เพราะข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมการเงินได้ว่า “เงินของเราหายไปกับอะไร” และจะวางแผนเก็บเงินได้ง่ายขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมีแอปพลิเคชันหลาย ๆ แอปที่มาช่วยในเรื่องนี้
7.ลดรายจ่ายฟุ่มเฟือย
เมื่อคุณเริ่มทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย จะเห็นชัดเจนขึ้นทันทีว่ามีค่าใช้จ่ายส่วนไหนที่ “ไม่จำเป็น” หรือสามารถตัดออกได้โดยไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน การลดรายจ่ายฟุ่มเฟือยเหล่านี้ จะช่วยให้คุณมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น หากดื่มกาแฟแก้วละ 100 บาททุกวัน เดือนหนึ่งก็กลายเป็นเงินหลักพัน ลองเปลี่ยนเป็นกาแฟแก้วละ 50 บาท แล้วนำส่วนต่างที่เหลือเก็บเข้าบัญชีออมเงินแทน คุณก็จะมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้สึกฝืนจนเกินไป
8.สร้างรายได้เสริมแบบ Passive Income หรือเพิ่ม Second Job
การเก็บเงินจะเกิดขึ้นได้ยาก หากเงินเดือนแทบไม่พอใช้ ดังนั้นเราควรมองหาช่องทางสร้างรายได้เสริมที่เหมาะกับทักษะของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการขายของออนไลน์ รับงานฟรีแลนซ์ หรือเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ วิธีเหล่านี้จะช่วยเพิ่มรายได้ และทำให้เรามีโอกาสเก็บเงินได้มากขึ้น
9.ใช้สิทธิพิเศษบัตรเครดิต
การใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต หลายคนอาจคิดว่าบัตรเครดิตมีแต่ทำให้ใช้จ่ายเกินตัว แต่ถ้าใช้อย่างมีวินัย บัตรเครดิตจะมีแต่ประโยชน์ ทั้งช่วยประหยัดเงินได้ ผ่านสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมาย อย่าง คะแนนสะสม นำมาแลกเป็นส่วนลด หรือใช้แทนเงินสดได้ โปรโมชั่น และส่วนลดพิเศษ จากร้านค้า ร้านอาหาร และบริการต่างๆ ก็ช่วยทำให้ประหยัดรายจ่ายได้ด้วยเช่นกัน
10.หลีกเลี่ยงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
ควรหลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะหนี้จากการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เช่น การผ่อนสินค้าแฟชั่น หรือการใช้บัตรเครดิตแล้วชำระเพียงขั้นต่ำเท่านั้น เพราะดอกเบี้ยที่พอกพูนจากหนี้เหล่านี้ จะกลายเป็นภาระหนัก และทำให้การเก็บเงินแทบเป็นไปไม่ได้
มนุษย์เงินเดือนเก็บเงินยังไงให้อยู่? เคล็ดไม่ลับคือ “ออมก่อนใช้ ใช้เท่าที่มี และหาช่องทางเพิ่มรายได้” เท่านี้มนุษย์เงินเดือนก็มีเงินเหลือเก็บได้ไม่มากก็น้อย แต่มีเงินเก็บได้อย่างแน่นอน
บัตรเครดิต : ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี