
สำนักงานวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเทศบาลนครกุ้ยหยาง
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 ได้มีการเผยแพร่รายงานดัชนีการพัฒนาเมืองแบบองค์รวม ประจำปี 2568 อย่างเป็นทางการ ผลปรากฏว่า นครกุ้ยหยางคว้าอันดับหนึ่งในกลุ่ม "เมืองที่สวยงาม" มาครองด้วยคะแนนสูงถึง 96.39 อีกทั้งยังติดอันดับท็อปเทนในกลุ่ม "เมืองที่น่าอยู่ที่สุด" ของจีนด้วย ความสำเร็จที่โดดเด่นนี้มีเบื้องหลังมาจากการเสริมสร้างศักยภาพให้กับแบรนด์ประจำเมืองอย่าง "Cool Guiyang" ทั้งยังได้แรงขับเคลื่อนอย่างแข็งแกร่งจากการบูรณาการวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาเมืองให้ก้าวหน้าอย่างมีคุณภาพ

สำนักงานวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเทศบาลนครกุ้ยหยางเปิดเผยว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กุ้ยหยางได้ใช้มิติทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของเมืองให้สอดประสานกันในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเขตเมืองเก่าได้เสริมฐานรากให้แข็งแกร่งด้วยการดึงเอาบริบททางประวัติศาสตร์มาชูโรง ขณะที่เขตเมืองใหม่ก็ได้ขยายมิติด้วยความมีชีวิตชีวาแห่งยุคสมัยใหม่ สองพื้นที่ทั้งเก่าและใหม่นี้ทำหน้าที่เป็น "สองแกนหลัก" ในการพัฒนาวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ซึ่งกำลังผนึกกำลังกันเพื่อกำหนดทิศทางใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมนวัตกรรม พร้อมยกระดับประสบการณ์ และเพิ่มมูลค่าของแบรนด์เมืองให้สูงยิ่งขึ้น
เขตหยุนเหยียน ปลุกชีวิตเมืองเก่า สืบสานมรดกประวัติศาสตร์
เขตหยุนเหยียนเป็นศูนย์กลางและเป็น "แกนหลัก" ด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของกุ้ยหยาง โดยได้กำหนดบทบาทหน้าที่อย่างใกล้ชิดให้เป็น "ศูนย์กลางเมือง จิตวิญญาณเมืองเก่า ศูนย์รวมวัฒนธรรม และถิ่นฐานทางจิตวิญญาณ" พร้อมเดินหน้าส่งเสริมการอนุรักษ์แบบองค์รวมและสืบทอดมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างมีพลวัต ทั้งยังออกแบบภูมิทัศน์ใหม่เพื่อสร้างเมืองที่น่าอยู่ เหมาะแก่การท่องเที่ยว และเอื้อต่อธุรกิจมากยิ่งขึ้น
สำนักงานวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเทศบาลนครกุ้ยหยางเผยว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขตหยุนเหยียนได้เชื่อมโยงหน่วยพิทักษ์โบราณวัตถุ จำนวน 68 แห่งภายในพื้นที่ และได้ดำเนินการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมสำคัญ เช่น ย่านเฉาฮุ่ย ถนนไท่ผิง, ย่านเหวินชางเก๋อ, และย่านซินหยิน 1950 ซึ่งเป็นการคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมเมืองเก่า ควบคู่ไปกับการเติมกิจกรรมการค้าใหม่ ๆ เข้าไปเพื่อเพิ่มชีวิตชีวา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ย่านเฉาฮุ่ย ถนนไท่ผิง ได้มีการปลุกชีวิตและยกระดับผู้ประกอบการ พร้อมดึงดูดหลาย ๆ แบรนด์เข้ามาเปิดสาขาแรก ขณะที่ย่านซินหยิน 1950 ก็ประสบความสำเร็จในการดึงดูดแบรนด์คุณภาพสูงจำนวนมากให้มาลงหลักปักฐาน พร้อมสร้างสรรค์ถนนสายอาหารเฉพาะทาง เช่น ถนนหลี่อวี่ และถนนหมินเซิง เพื่อสำรวจแนวคิดในการใช้วัฒนธรรมยกระดับการท่องเที่ยว และใช้การท่องเที่ยวนำเสนอวัฒนธรรม
นอกจากนี้ การผลิบานของธุรกิจรูปแบบใหม่ในเศรษฐกิจตามท้องถนน เช่น "กาแฟกลางวัน เบียร์กลางคืน" (กลางวันเสิร์ฟกาแฟพิเศษ กลางคืนขายคราฟต์เบียร์พิเศษ) ยังช่วยเติมเต็มเขตหยุนเหยียนให้อบอวลไปด้วยความอบอุ่นและชีวิตชีวาของการใช้ชีวิตอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ที่ "จอภาพยนตร์เดียวจุดประกายความรุ่งเรืองให้ทั้งเมือง" ในโรงภาพยนตร์ครอสช่วงเทศกาลตรุษจีน ไปจนถึงกระแสการแห่เช็คอินตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น สวนสาธารณะเฉียนหลิงซาน ถนนไท่ผิง และถนนเหวินชางเก๋อ เขตหยุนเหยียนก็ได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งมิติใหม่ในด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมด้วยข้อมูลการบริโภคจริงและคำชื่นชมจากนักท่องเที่ยว โดยสถิติชี้ให้เห็นว่า ในช่วงวันหยุดเทศกาลไหว้พระจันทร์และวันชาติประจำปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเขตนี้ก็เพิ่มขึ้นถึง 14.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 1.356 พันล้านหยวน ทั้งยังตอกย้ำสถานะของกุ้ยหยางในการเป็น "หินโรยทาง" และ "เสาหลักแห่งการเติบโต" เพื่อผลักดันการพัฒนาวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง
เขตกวนซานหู พัฒนาและยกระดับสู่การเป็น "มหานครทันสมัย" สุดอินเทรนด์
หากจะกล่าวว่าเขตหยุนเหยียนคือ "นามบัตรทางประวัติศาสตร์" ด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของกุ้ยหยางแล้ว เขตกวนซานหูก็ย่อมเป็น "หน้าต่างแห่งยุคสมัย" โดยสำนักงานวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเทศบาลนครกุ้ยหยางเปิดเผยว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขตกวนซานหูได้ยึดมั่นกับเป้าหมายในการสร้าง "เมืองแห่งสี่วิสัยทัศน์" โดยมุ่งสร้างสรรค์แบรนด์อย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งบุกเบิกเส้นทางใหม่ในการบูรณาการวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นแก่นักท่องเที่ยวด้วยมิติทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย
เพื่อเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดใจให้เมืองกุ้ยหยาง เขตกวนซานหูได้ทุ่มเทสร้าง "เมืองดนตรี" และ "เมืองแห่งการอ่าน" โดยตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นมา ได้มีการจัดมหกรรมดนตรีขนาดใหญ่ไปแล้วถึง 26 งาน สามารถดึงดูดแฟนเพลงให้เข้าร่วมงานได้มากกว่า 500,000 คน และสร้างยอดการบริโภคโดยรอบได้สูงถึงกว่า 300 ล้านหยวน ขณะเดียวกัน ได้ใช้แบรนด์ "อ่านและสัมผัสกวนซานหู" เป็นแกนหลักในการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการอ่านไปแล้วมากกว่า 200 รายการทั่วทั้งเขตนี้ ซึ่งเข้ามายกระดับรสนิยมทางวัฒนธรรมของเมืองนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในมิติของการปลุกเร้าความมีชีวิตชีวาของเมืองนั้น เขตกวนซานหูได้มุ่งมั่นพัฒนาให้เป็น "เมืองแห่งมหกรรมกีฬา" และ "เมืองแห่งความบันเทิงสมัยใหม่" โดยยึดหลักแนวคิด "ท่องเที่ยวตามอีเวนต์กีฬา" และสร้างแบรนด์กิจกรรมกีฬาที่มีพลังขับเคลื่อนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับนานาชาติและประเทศ ไปจนถึงระดับมณฑล เทศบาล และระดับเขต ตั้งแต่รายการกุ้ยหยางมาราธอน ไปจนถึงการแข่งขันฟุตบอลโอเพ่น "ซานหูคัพ" มีการจัดงานกีฬาไปแล้วเกือบ 70 รายการตลอดทั้งปี ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 800,000 คน ขณะที่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่าง CCPARK และ Mixc ก็ดึงดูดผู้บริโภคได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยการนำโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ เข้ามา ส่งผลให้มีลูกค้าหมุนเวียนและการบริโภคยามค่ำคืนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงวันหยุดเทศกาลวันชาติในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เขตกวนซานหูเป็นเขตเมืองใหม่ของกุ้ยหยาง โดดเด่นในเรื่องทรัพยากรทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวที่หาได้ยาก โดยสวนสาธารณะกวนซานหู ขนาดกว่า 5,500 หมู่ (ประมาณ 3.67 ตารางกิโลเมตร) เปรียบเสมือนปอดสีเขียวเชิงนิเวศของเมืองนี้ ขณะที่อุทยานคาสต์นำเสนอความมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาอันเป็นเอกลักษณ์ จุดชมวิวทะเลสาบไป๋ฮวานำเสนอผลิตภัณฑ์เชิงนิเวศคุณภาพสูง พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยากุ้ยโจวจัดแสดงประวัติศาสตร์วิวัฒนาการทางธรณีวิทยาของกุ้ยโจว และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอันทันสมัย เช่น ศูนย์กีฬาโอลิมปิกและย่านการเงิน ที่เข้ามาเสริมให้เขตกวนซานหูมีฟังก์ชันบริการทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวที่ครบวงจร การผสมผสานอันลงตัวระหว่างทรัพยากรทางธรรมชาติกับวัฒนธรรมเหล่านี้ จึงเป็นรากฐานอันอุดมสมบูรณ์ในการพัฒนาวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแบบบูรณาการอย่างแท้จริง
นอกเหนือจาก "สองแกนหลัก" ที่นำโดยเขตหยุนเหยียนและเขตกวนซานหูแล้ว กุ้ยหยางยังได้รับการสนับสนุนจากรูปแบบการพัฒนาอย่าง "สองแกน หลายคลัสเตอร์" โดยอาศัยการจัดวางผังเขตกันชนเชิงนิเวศอย่างมีหลักการ ทำให้แต่ละเขตสามารถพัฒนาได้อย่างแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ ยกตัวอย่างเช่น การพักผ่อนหย่อนใจในเมืองของเขตหนานหมิง สุขภาพและสุขภาวะทางนิเวศในเขตหัวซี รีสอร์ตน้ำพุร้อนในเขตอู่ตัง และประสบการณ์เมืองริมทะเลสาบในเมืองชิงเจิ้น ต่างก็สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเฉพาะตัวได้อย่างเต็มที่ เพราะมีการกำหนดบทบาทหน้าที่ที่ชัดเจน ทำให้ไม่ต้องแข่งขันกันซ้ำซ้อน และเสริมเติมฟังก์ชันซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการบูรณาการทรัพยากรไปจนถึงการเชื่อมโยงเส้นทาง ตั้งแต่การแลกเปลี่ยนฐานลูกค้าไปจนถึงการสร้างแบรนด์ แต่ละเขตได้ร่วมกันทลายขีดจำกัดด้านการบริหาร และทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพทั้งในด้านการวางแผนวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน การตลาดและการส่งเสริมการขาย ทำให้นามบัตรทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวอย่าง "Cool Guiyang" นั้นมีมิติที่กว้างขวางและน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดเป็นพลังประสานที่แข็งแกร่ง เพื่อร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวทั้งเมืองกุ้ยหยางอย่างยั่งยืน
สำนักงานวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเทศบาลนครกุ้ยหยางเปิดเผยว่า ในอนาคตนั้น กุ้ยหยางจะยังคงเดินหน้าปลูกฝังแบรนด์ประจำเมือง "Cool Guiyang" อย่างต่อเนื่อง พร้อมเร่งขยายผลรูปแบบการพัฒนา "สองแกน หลายคลัสเตอร์" ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มความลึกซึ้งในการบูรณาการภาคส่วนต่าง ๆ เช่น วัฒนธรรม การท่องเที่ยว นิเวศวิทยา และกีฬา เพื่อปั้นกุ้ยหยางเป็นเมืองที่ไม่เพียงแต่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและธรรมชาติเขียวสมบูรณ์ เท่านั้น แต่ยังเป็นเมืองที่เปี่ยมด้วยพลังขับเคลื่อนและความทันสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งพลเมืองและนักท่องเที่ยวในการมีชีวิตที่ดีขึ้น และทำให้อุตสาหกรรมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเป็นพลังขับเคลื่อนหลัก เพื่อพัฒนาเมืองอย่างมีคุณภาพต่อไป
ติดต่อ: สำนักงานวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเทศบาลนครกุ้ยหยาง