วัตสันเตรียมซื้อกิจการแอคทาวิส กรุ๊ป เป็นมูลค่า 4.25 พันล้านยูโร

ข่าวต่างประเทศ Friday April 27, 2012 16:23 —ข่าวประชาสัมพันธ์พีอาร์นิวส์ไวร์

พาร์ซิพพานี, นิวเจอร์ซีย์--27 เม.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์ / อินโฟเควสท์ - ก่อเกิดบริษัทยาสามัญขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลก - คาดว่ารายได้รวม (pro-forma) ในปี 2555 จะอยู่ที่ราว 8 พันล้านดอลลาร์ - ช่วยขยายธุรกิจยาสามัญของวัตสันนอกประเทศสหรัฐอเมริกา - ทำให้รายได้และกำไรขยายตัวเร็วขึ้น - ช่วยเพิ่มกำไรที่ไม่ได้คำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไป (non-GAAP earnings) ทันที โดยยังไม่รวมมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากการควบรวมกิจการ - คาดว่าจะมีมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นจากการควบรวมกิจการกว่า 300 ล้านดอลลาร์ต่อปีภายใน 3 ปี - กระแสเงินสดรวมกันแข็งแกร่ง ทำให้ชำระหนี้ได้อย่างรวดเร็ว - ทำให้แอคทาวิสมีรายได้เพิ่มเติมมากขึ้นในปี 2555 วัตสัน ฟาร์มาซูติคอลส์ อิงค์ (Watson Pharmaceuticals, Inc.) (NYSE: WPI) และ แอคทาวิส กรุ๊ป (Actavis Group) ประกาศร่วมกันว่า วัตสันได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการซื้อกิจการบริษัทแอคทาวิส ด้วยมูลค่าประมาณ 4.25 พันล้านยูโร โดยจ่ายเงินทันที ผลพวงของการซื้อกิจการครั้งนี้จะทำให้วัตสันกลายเป็นบริษัทยาสามัญรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และคาดว่ารายได้รวมในปี 2555 จะอยู่ที่ราว 8 พันล้านดอลลาร์ แอคทาวิส ซึ่งเป็นบริษัทเดี่ยวที่ไม่ได้อยู่ในเครือบริษัทใด มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งโดยทำธุรกิจในกว่า 40 ประเทศ และทำการตลาดผลิตภัณฑ์กว่า 1,000 รายการทั่วโลก แอคทาวิสกำลังพัฒนาโครงการราว 300 โครงการ และผลิตยากว่า 2.2 หมื่นล้านโดสในปี 2554 แอคทาวิสมีพนักงานกว่า 10,000 คนทั่วโลก และมีรายได้ประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2554 “การซื้อกิจการแอคทาวิสจะก่อให้เกิดบริษัทยาสามัญรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และช่วยเติมเต็มการขยายธุรกิจของวัตสันในฐานะบริษัทยาสามัญชั้นนำของโลก แอคทาวิสช่วยยกระดับสถานะทางการค้าของเราในระดับโลก ทั้งยังช่วยเติมเต็มผลิตภัณฑ์และศักยภาพการดำเนินงานของเราในสหรัฐอเมริกา” พอล เอ็ม บิซาโร่ (Paul M. Bisaro) ประธานและซีอีโอบริษัทวัตสัน กล่าว “การซื้อกิจการครั้งนี้ซึ่งเป็นแรงผลักดันทางการค้า จะทำให้วัตสันเข้าถึงตลาดทั่วโลกได้มากขึ้นกว่าสองเท่า และช่วยยกระดับสถานะทางการค้าของวัตสันในตลาดยุโรปที่มั่นคงแล้วและตลาดเกิดใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งรวมถึงยุโรปกลาง ยุโรปตะวันออก และรัสเซีย” มร.บิซาโร่ กล่าว “การซื้อกิจการครั้งนี้ทำให้วัตสันบรรลุเป้าหมายการขยายและสร้างความหลากหลายทางธุรกิจ สู่ความเป็นบริษัทระดับสากลอย่างแท้จริง เมื่อการซื้อกิจการเสร็จสมบูรณ์ รายได้ราว 40% ของทั้งหมดจะมาจากตลาดต่างๆนอกสหรัฐอเมริกา” “การซื้อกิจการครั้งนี้เป็นแรงผลักดันทางการเงิน ช่วยให้รายได้และกำไรสุทธิของวัตสันขยายตัวอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้ และช่วยเพิ่มกำไรที่ไม่ได้คำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไปทันที โดยยังไม่รวมมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากการควบรวมกิจการ เราประเมินว่าจะมีมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นจากการควบรวมกิจการกว่า 300 ล้านดอลลาร์ต่อปีภายใน 3 ปี นับตั้งแต่ตอนนี้จนถึงเสร็จสิ้นการซื้อกิจการ เราจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับทีมผู้บริหารของแอคทาวิส เพื่อเตรียมควบรวมบริษัทด้วยความรวดเร็วและราบรื่น วัตสันจะได้ใช้ประโยชน์สูงสุดจากการซื้อกิจการและการเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานในครั้งนี้ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นของเรามั่นใจว่าธุรกิจจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว” “วันนี้เป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์ของแอคทาวิส ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาผมยินดีที่ได้ทำงานร่วมกับทีมบริหารของแอคทาวิสที่จัดตั้งขึ้นใหม่และบรรดาผู้ถือหุ้นที่นำพาบริษัทไปสู่อีกระดับ” คลอดิโอ อัลเบรชท์ (Claudio Albrecht) ประธานบริหารและซีอีโอบริษัทแอคทาวิส กล่าว “เราประสบความสำเร็จในการผลักดันให้แอคทาวิสมีสถานะที่แข็งแกร่งเพียงพอสำหรับการคว้าโอกาสการเติบโตในอุตสาหกรรมยาสามัญในอนาคต” “การควบรวมกิจการระหว่างวัตสันและแอคทาวิสที่อยู่บนรากฐานอันแข็งแกร่ง จะทำให้บริษัทต้องพยายามผลักดันตนเองให้มีบทบาทแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมยาสามัญ การควบรวมทั้งสองบริษัทเป็นการควบรวมในอุดมคติซึ่งจะทำให้บริษัทที่เกิดจากการควบรวมสามารถยกระดับสถานะของตนเองในหมู่ผู้นำอุตสาหกรรมได้ นอกจากนั้นแล้ว การรวมตัวกันจะทำให้วัตสันและแอคทาวิสมีความมั่นคงในตลาดยาชีววัตถุในรูปของยาสามัญ (biosimilar) ที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและไม่หยุดยั้ง” มร.อัลเบรชท์ กล่าว ผลประโยชน์สำคัญของการซื้อกิจการ สร้างแรงผลักดันทางการค้า ยกระดับความเป็นสากลของวัตสันอย่างมีนัยสำคัญ - การซื้อกิจการเป็นการรวมสองบริษัทที่เติบโต ประสบความสำเร็จ และมีกำไร ให้เป็นบริษัทระดับโลกเพียงหนึ่งเดียวที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น บริษัทจะได้ประโยชน์จากรายได้และผลกำไรที่ขยายตัวอย่างมั่นคงและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง คาดว่าการซื้อกิจการครั้งนี้จะทำให้วัตสันมีรายได้จากตลาดอื่นๆนอกสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นจาก 16% ของรายได้สุทธิทั้งหมด ณ สิ้นปี 2554 เป็น 40% ขยายสถานะในตลาดโลก - บริษัทที่เกิดจากการควบรวมจะติดหนึ่งในสามบริษัทชั้นนำในตลาด 11 แห่ง และติดหนึ่งในห้าในตลาด 15 แห่ง นอกจากนั้นยังจะทำการตลาดในกว่า 40 ประเทศ ทั้งนี้ ความแข็งแกร่งของแอคทาวิสในระดับโลก ซึ่งรวมถึงความเป็นผู้นำในตลาดที่มั่นคงแล้วและตลาดเกิดใหม่ในยุโรปกลาง ยุโรปตะวันออก และรัสเซีย ช่วยเติมเต็มสถานะของวัตสันในตลาดที่มั่นคงแล้วอย่างสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และออสเตรเลีย เป็นต้น ขยายความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ - การซื้อกิจการจะช่วยยกระดับความเป็นผู้นำของวัตสันด้านผลิตภัณฑ์ยารูปแบบของแข็งชนิดรับประทานที่ควบคุมการปลดปล่อยตัวยาและผลิตภัณฑ์ยาทางผิวหนัง ไปสู่ผลิตภัณฑ์ยากึ่งของแข็ง ยาน้ำ และยาฉีด ผลที่ได้คือ วัตสันจะมีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมและหลากหลายกว่าเดิม และจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑต่างๆมากขึ้นตามไปด้วย เมื่อควบรวมกิจการเรียบร้อยแล้ว บริษัทจะมีผลิตภัณฑ์ 45 รายการที่ยื่นขอจดสิทธิบัตรเป็นรายแรก และ 30 รายการที่ยื่นขอจดสิทธิบัตรเป็นรายแรกและมีกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียวในสหรัฐอเมริกา สร้างแรงผลักดันทางการเงิน รายได้เพิ่มพูนมหาศาลในทันที - คาดว่าการซื้อกิจการจะทำให้รายได้สุทธิที่ไม่ได้คำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไปเพิ่มขึ้นทันที โดยยังไม่รวมมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากการควบรวมกิจการ หากนับรวมมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากการควบรวมกิจการแล้ว วัตสันคาดว่าการซื้อกิจการจะมีสัดส่วนมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 30% เทียบกับกำไรต่อหุ้นที่ไม่ได้คำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไป (non-GAAP EPS) ในปี 2556 และจะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2557 ผ่านการเติบโตภายในองค์กรและมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากการควบรวมกิจการ มูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากการควบรวมกิจการมีประโยชน์หลายประการ - วัตสันคาดว่าจะมีมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากการควบรวมกิจการกว่า 300 ล้านดอลลาร์ต่อปีภายใน 3 ปีหลังการซื้อกิจการเสร็จสมบูรณ์ โดยส่วนใหญ่เป็นต้นทุนร่วมด้านการขายและการบริหาร การวิจัยและพัฒนา และต้นทุนองค์กร - วัตสันคาดการณ์ว่าต้นทุนร่วมในระยะยาวเกี่ยวกับการพัฒนาซัพพลายเชนจะเพิ่มขึ้น และรายได้ร่วมระยะยาวจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในตลาดใหม่ๆจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนั้นวัตสันยังคาดการณ์ว่าจะได้ประโยชน์จากอัตราภาษีที่ลดลงราว 28% (pro forma) กระแสเงินสดรวมที่แข็งแกร่งช่วยให้ชำระหนี้ได้เร็ว - กระแสเงินสดของบริษัทที่ควบรวมน่าจะทำให้วัตสันสามารถชำระหนี้ได้อย่างรวดเร็ว และบรรลุเป้าหมายอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ต่ำกว่า 3.0 เท่าในปี 2556 และราว 2.0 เท่าในปี 2557 ทั้งนี้ วัตสันคาดว่าจะสามารถรักษาอันดับความน่าลงทุนซึ่งกำหนดโดยบริษัทจัดอันดับทั้ง 3 แห่งได้หลังเสร็จสิ้นการซื้อกิจการ มีศักยภาพมากขึ้น ผู้บริหารและพนักงานแข็งแกร่งขึ้นทั่วโลก เสริมสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจ third party - การควบรวมธุรกิจ third party ของวัตสันในชื่อ Specifar Pharmaceuticals เข้ากับธุรกิจ third party ของแอคทาวิสในชื่อ MEDIS จะก่อให้เกิดบริษัท out licensing ใหญ่ที่สุดซึ่งมีผลิตภัณฑ์มากมายหลากหลาย ทีมบริหารทั่วโลกที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์ - การควบรวมกิจการระหว่างวัตสันและแอคทาวิสจะช่วยเพิ่มพูนความเชี่ยวชาญด้านการบริหาร ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการผลักดันการขยายตัวในตลาดที่มั่นคงแล้วและตลาดเกิดใหม่ นอกจากนั้นแอคทาวิสยังนำประสบการณ์ด้านการบูรณาการมาสู่บริษัทที่ควบรวม โดยเฉพาะการผสมผสานความเชี่ยวชาญจากการซื้อขายกิจการหลายครั้งตั้งแต่เปลี่ยนเป็นบริษัทเอกชนเมื่อปี 2550 รวมถึงการประสานระบบการทำงานในองค์กร การควบรวมการดำเนินงานในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกกับยุโรปตะวันตก และการบริหารจัดการโครงการทั่วห่วงโซ่คุณค่า ขยายทีมงานทั่วโลก - เมื่อควบรวมกิจการแล้ว วัตสันจะมีพนักงานประมาณ 17,000 คนทั่วโลก และมีโรงงานผลิตราว 20 แห่ง รวมถึงศูนย์วิจัยและพัฒนากว่า 10 แห่ง ด้วยขนาดและปริมาณที่เพิ่มขึ้น บริษัทที่ควบรวมจะสามารถทำประโยชน์ได้สูงสุดจากศักยภาพด้านการค้า การวิจัยและการลงทุน การผลิต และการให้บริการแก่ลูกค้า เงื่อนไขการซื้อกิจการ เงื่อนไขของข้อตกลงระบุว่า วัตสันจะซื้อกิจการแอคทาวิสในราคาประมาณ 4.25 พันล้านยูโร โดยจ่ายเป็นเงินสดประมาณ 4.15 พันล้านยูโร และผ่อนชำระอีกสูงสุด 100 ล้านยูโร ซึ่งต้องชำระคืน ณ วันที่การซื้อขายกิจการเสร็จสมบูรณ์ ผู้ถือหุ้นของแอคทาวิสยังสามารถรับค่าตอบแทนหรือรายได้ที่เกิดขึ้นก่อนที่บริษัทจะบรรลุผลการเจรจาในปี 2555 สำหรับการชำระรายได้ที่เกิดขึ้นนั้น หากได้รับทั้งหมดจะทำให้ต้องมีการส่งมอบหุ้นสามัญของวัตสันสูงสุด 5.5 ล้านหุ้น รายได้ที่เกิดขึ้นนี้มีมูลค่า 250 ล้านยูโรระหว่างการเจรจา อ้างอิงจากราคาหุ้น 60 ดอลลาร์/หุ้น ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ยูโรต่อ 1.32 ดอลลาร์ และหากมีการมอบหุ้น ก็จะมอบในปี 2556 วัตสันตั้งใจว่าจะจ่ายส่วนที่เป็นเงินสดผ่านการกู้ยืมเงินแบบมีเงื่อนไขและการออกตราสารหนี้ระยะยาวประเภทไม่มีหลักประกัน ปัจจุบันวัตสันได้ขอกู้ยืมเงินจาก BofA Merrill Lynch และ Wells Fargo Bank, N.A. และอยู่ระหว่างดำเนินการตามแผนการเงินขั้นสุดท้าย วัตสันคาดการณ์ว่าบริษัทที่เกิดจากการควบรวมจะสร้างกระแสเงินสดอิสระจำนวนมหาศาล ช่วยให้วัตสันสามารถชำระหนี้ได้อย่างรวดเร็วจนมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ต่ำกว่า 3.0 เท่าในปี 2556 และราว 2.0 เท่าในปี 2557 การรับรองและกำหนดเวลา การซื้อกิจการครั้งนี้จะต้องได้รับการรับรองตามเงื่อนไขตามธรรมเนียม โดยต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมาธิการการค้าของสหรัฐ (FTC) ตามบทบัญญัติ Hart-Scott-Rodino Antitrust Improvements Act of 1976 ที่มีการปรับปรุงแก้ไขแล้ว รวมถึงต้องผ่านการรับรองในประเทศอื่นๆนอกสหรัฐอเมริกา ระหว่างรอการอนุมัติ วัตสันคาดว่าการซื้อกิจการจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2555 BofA Merrill Lynch ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการเงินเพียงผู้เดียวของวัตสัน และ Latham & Watkins LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายในการซื้อกิจการครั้งนี้ เกี่ยวกับ วัตสัน ฟาร์มาซูติคอลส์ อิงค์ วัตสัน ฟาร์มาซูติคอลส์ อิงค์ เป็นบริษัทยาชั้นนำของโลก บริษัทเป็นผู้พัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายยาสามัญและผลิตภัณฑ์ยาเฉพาะทางโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับระบบปัสสาวะและสุขภาพของสตรี บริษัทยังพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาชีววัตถุในรูปของยาสามัญ สำหรับสุขภาพของสตรีและการรักษามะเร็ง นอกจากนั้นวัตสันยังจำหน่ายยาสามัญและยาเฉพาะทางผ่านธุรกิจ Anda Distribution ของบริษัท ในปี 2554 วัตสันเป็นบริษัทยาสามัญรายใหญ่อันดับ 3 ในสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกันบริษัทก็ดำเนินธุรกิจในตลาดหลักทั่วโลก รวมถึงแคนาดา ยุโรปตะวันตก เอเชียแปซิฟิก แอฟริกาใต้ และละตินอเมริกา วัตสันกระจายสินค้าราว 8,500 รายการให้แก่ลูกค้ากว่า 60,000 รายในสหรัฐอเมริกาโดยตรง ผ่านทางธุรกิจ Anda Distribution ของบริษัท สามารถดูข่าวประชาสัมพันธ์และข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทได้ที่ http://www.watson.com เกี่ยวกับแอคทาวิส แอคทาวิส เป็นบริษัทยาสามัญชั้นนำรายหนึ่งของโลก ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการพัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายยาสามัญ บริษัททำธุรกิจในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานกว่า 10,000 คน ปัจจุบัน แอคทาวิสมีผลิตภัณฑ์ยากว่า 1,000 ชนิดในตลาด และขึ้นทะเบียนในกว่า 70 ประเทศ ติดต่อวัตสัน: สำหรับนักลงทุน ลิซ่า เดอฟรานเชสโก (Lisa Defrancesco) โทร: +1-862-261-7152 แพตตี้ ไอเซนฮาวร์ (Patty Eisenhaur) โทร: +1-862-261-8141 สำหรับสื่อ ชาร์ลี เมย์ (Charlie Mayr) โทร: +1-862-261-8030 ติดต่อแอคทาวิส แฟรงค์ สตอด (Frank Staud) รองประธานบริหารฝ่ายสื่อสารองค์กร โทร: +41-41-462-7370 แหล่งข่าว: แอคทาวิส กรุ๊ป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ