คณะนักวิจัยเปิดเผยสายพันธุ์แบคทีเรียที่เชื่อมโยงกับโรคเหงือกในแมวเป็นครั้งแรก

ข่าวต่างประเทศ Thursday November 26, 2015 08:11 —ข่าวประชาสัมพันธ์พีอาร์นิวส์ไวร์

บรัสเซลส์--26 พ.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ ผลวิจัยเผยให้เห็นถึงความแตกต่างของสายพันธุ์แบคทีเรียที่พบในคราบพลัคของมนุษย์และแมว ปูทางไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาโรคเหงือกซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยที่สุดในแมว ขณะที่โรคเหงือกคือหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในแมว แต่ความเข้าใจเกี่ยวกับแบคทีเรียที่สัมพันธ์กับโรคเหงือกกลับมีอยู่เพียงน้อยนิด คณะนักวิจัยจากสถาบันวิจัยโภชนาการสัตว์เลี้ยงวอลแธม จึงได้ร่วมมือกับเหล่าทันตสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และสถาบันฟอร์ไซท์สังกัดมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในการทำการศึกษาวิจัย ซึ่งได้รับตีพิมพ์ในวารสาร Veterinary Microbiology ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2015 และวารสาร PLOS ONE ในวันนี้ โดยได้นำเสนอมุมมองใหม่เกี่ยวกับโรคเหงือกในแมว ด้วยการระบุถึงสายพันธุ์แบคทีเรียที่พบในแมวที่มีสุขภาพเหงือกดีและแมวที่มีปัญหาโรคเหงือกเป็นครั้งแรก (ภาพ: http://photos.prnewswire.com/prnh/20151125/291011 ) ด้วยการใช้เทคโนโลยีหาลำดับเบสดีเอ็นเอใหม่ล่าสุดทำให้คณะนักวิจัยค้นพบแบคทีเรีย 267 สายพันธุ์ในคราบพลัคบนฟันของแมว และสามารถสร้างฐานข้อมูลที่แสดงชนิดของแบคทีเรียและและจำนวนที่พบในแมวที่มีสุขภาพดีกับกลุ่มแมวที่เป็นโรคเหงือกว่ามีความแตกต่างกัน ดร.เอียน เดวิส นักวิจัยสุขภาพช่องปากของวอลแธม ในเครือของมาร์ส เพ็ทแคร์ กล่าวว่า "ความรู้นี้คือก้าวแรกในการยกระดับสุขภาพช่องปากของแมว ผ่านการส่งเสริมโภชนาการในการจัดการกับแบคทีเรียที่สัมพันธ์กับโรคในช่องปากได้" ผลการศึกษายังเผยให้เห็นว่า สายพันธุ์แบคทีเรียที่พบในคราบพลัคของแมวนั้น มีความคล้ายคลึงกับแบคทีเรียที่พบในคราบพลัคของสุนัขมากกว่าของมนุษย์ ซึ่งหมายความว่า วิธีจัดการกับแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคในช่องปากของมนุษย์นั้น ไม่น่าจะใช้ได้ผลในแมว และน่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่าที่จะเรียนรู้จากการดูแลช่องปากในสุนัขที่ได้ผลดีเพื่อนำมาใช้ในแมว ดร.เดวิสเสริมว่า "เจ้าของแมวจำเป็นต้องรู้ว่าแมวมีโอกาสเป็นโรคเหงือกพอๆกับสุนัข และต้องเข้าใจถึงความสำคัญของการรักษาสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการแปรงฟัน การรักษาฟัน หรือการกินอาหารเพื่อรักษาสุขภาพปากและฟันโดยเฉพาะ" สำหรับผลการศึกษาล่าสุดที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร PLOS ONE ในวันนี้ สามารถดาวน์โหลดได้ที่ http://dx.plos.org/10.1371/journal.pone.0136986 เกี่ยวกับสถาบันวิจัยโภชนาการสัตว์เลี้ยงวอลแธม(R) (WALTHAM(R)) สถาบันวิจัยโภชนาการสัตว์เลี้ยงวอลแธม(R) เป็นหน่วยงานวิทยาศาสตร์ชั้นนำที่ยกระดับการวิจัยด้านโภชนาการและสุขภาพสัตว์เลี้ยง ผ่านการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี สถาบันวิจัยอันทันสมัยแห่งนี้ตั้งอยู่ในมณฑลเลสเตอร์เชียร์ ประเทศอังกฤษ และเป็นผู้สนับสนุนองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ด้านโภชนาการและสุขภาพสัตว์เลี้ยงให้แก่บริษัท มาร์ส อินคอร์ปอเรทเต็ด (Mars, Incorporated) ก่อให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์อันทันสมัยที่สามารถตอบสนองความต้องการของสัตว์เลี้ยงได้อย่างแท้จริง วอลแธม(R) เผยแพร่งานวิจัยของตนเองเป็นครั้งแรกเมื่อปีค.ศ.1963 จากนั้นได้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆมากมายในด้านโภชนาการสัตว์เลี้ยงและปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับสัตว์ ดังจะเห็นได้จากผลงานที่ตีพิมพ์เผยแพร่มากกว่า 1,700 ฉบับ ซึ่งรวมถึงรายงานการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ผ่านการพิจารณาและยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญแล้วกว่า 600 ฉบับ ปัจจุบัน วอลแธม(R) ยังคงร่วมงานกับบรรดาสถาบันวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ของกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงของมาร์ส (Mars Petcare) เพื่อสร้างสรรค์โลกที่ดีกว่าสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมถึงให้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และความเชี่ยวชาญที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตราสินค้าต่างๆของมาร์ส อาทิ WHISKAS(R), PEDIGREE(R), NUTRO(R), IAMS(R), EUKANUBA(R), TRILL(R), CESAR(R), SHEBA(R), KITEKAT(R), DREAMIES(TM), AQUARIAN(R), WINERGY(R), BANFIELD(R) Pet Hospital และ ROYAL CANIN เกี่ยวกับ มาร์ส อินคอร์ปอเรทเต็ด เมื่อปีค.ศ.1911 แฟรงค์ ซี มาร์ส (Frank C. Mars) ได้ผลิตขนมหวานยี่ห้อมาร์ส (Mars) ขึ้นเป็นครั้งแรกในบ้านของเขาที่เมืองทาโคมา รัฐวอชิงตัน และได้ริเริ่มธุรกิจแบรนด์มาร์สขึ้นเป็นครั้งแรกในฐานะบริษัทผู้ผลิตขนมหวาน ในช่วงทศวรรษที่ 20 ฟอร์เรสต์ อี มาร์ส ซีเนียร์ (Forrest E. Mars, Sr.) ได้เข้ามาช่วยกิจการของพ่อ และเปิดตัวช็อกโกแล็ตแท่งแบรนด์ MILKY WAY(R) จากนั้นในปีค.ศ.1932 ฟอร์เรสต์ได้ย้ายไปพำนักอยู่ในสหราชอาณาจักรพร้อมความฝันที่จะสร้างกิจการที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์ "ประโยชน์ร่วมกันสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง" ซึ่งเป็นรากฐานของมาร์ส อินคอร์ปอเรทเต็ดมาจนถึงปัจจุบันนี้ บริษัทมาร์สตั้งอยู่ในชุมชนแม็คลีน รัฐเวอร์จิเนีย และมียอดขายสุทธิกว่า 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์ บริษัทแบ่งกิจการออกเป็น 6 สาขา ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง, ช็อกโกแลต, ริกลีย์ (Wrigley), อาหาร, เครื่องดื่ม และซิมไบโอไซแอนซ์ (Symbioscience) บริษัทมีผู้ร่วมงานกว่า 75,000 คนทั่วโลกที่ร่วมดำเนินตามหลักการขององค์กรเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับผู้คนและโลกของเรา ตราสินค้าของมาร์สประกอบด้วย: ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง ได้แก่ PEDIGREE(R), ROYAL CANIN(R), WHISKAS(R), IAMS(R), EUKANUBA(R), KITEKAT(R), BANFIELD(R) Pet Hospital, NUTRO(R), SHEBA(R), DREAMIES(R) และ CESAR(R); ช็อกโกแลต ได้แก่ M&M'S(R), SNICKERS(R), DOVE(R), GALAXY(R), MARS(R), MILKY WAY(R) และ TWIX(R); ริกลีย์ ได้แก่ หมากฝรั่ง DOUBLEMINT(R), EXTRA(R), ORBIT(R) และ 5(TM), ลูกอม SKITTLES(R) และ STARBURST(R), ลูกอมรสมินท์ ALTOIDS(R) และ LIFESAVERS(R); อาหาร ได้แก่ UNCLE BEN'S(R), DOLMIO(R), EBLY(R), MASTERFOODS(R), SEEDS OF CHANGE(R) และ ROYCO(R); เครื่องดื่ม ได้แก่ กาแฟ ALTERRA(R) Coffee Roasters, ชา THE BRIGHT TEA CO.(R), ช็อกโกแลตร้อน DOVE(R)/GALAXY(R) และ เครื่องดื่มชง FLAVIA(R); ธุรกิจซิมไบโอไซแอนซ์ ได้แก่ COCOAVIA(R), WISDOM PANEL(R) และ SERAMIS(R) สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.mars.com และติดตามความเคลื่อนไหวของเราได้ทาง facebook.com/mars, twitter.com/marsglobal, youtube.com/mars แหล่งข่าว: มาร์ส เพ็ทแคร์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ