ลอนดอน--20 ส.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
อีกเพียงสิบสัปดาห์ก่อนจะถึงวันที่ 31 ตุลาคม ซึ่งเป็นเส้นตายที่สหราชอาณาจักรแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ชาวอังกฤษก็มีความกังวลมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสิทธิของหนังสือเดินทางที่จะลดน้อยลง ขณะนี้ชาวอังกฤษหลายล้านคนได้เดินทางกลับจากการท่องเที่ยวช่วงฤดูร้อนในต่างประเทศโดยไม่ต้องใช้วีซ่า และผู้ถือหนังสือเดินทางสหราชอาณาจักรอีกกว่าห้าล้านคนซึ่งอาศัยอยู่นอกสหราชอาณาจักรเป็นการถาวรต่างต้องคำนึงถึงทางเลือกอื่นๆ ในแง่ของสิทธิการเป็นพลเมือง หลายคนเชื่อว่าหนังสือเดินทางสหราชอาณาจักรอาจจะไม่สามารถเป็นกุญแจสู่การเดินทางไปทั่วโลกและการย้ายถิ่นฐานอย่างอิสระเสรีได้อีกต่อไป
การแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างเด็ดขาด (hard Brexit) การแยกตัวแบบประนีประนอม (soft Brexit) การแยกตัวโดยปราศจากข้อตกลง (no-deal Brexit) ตลอดจนการกำหนดให้ลงประชามติรอบที่สอง อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่คาดเดาไม่ได้ต่อสถานะของผู้ถือหนังสือเดินทางสหราชอาณาจักร ทั้งในแง่ของความสะดวกในการทำธุรกิจและการเดินทางไปต่างประเทศ ไปจนถึงสิทธิในการพำนัก ทำงาน และศึกษาเล่าเรียนที่ใดก็ได้ภายในกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU)
ตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรติดอันดับหนึ่งในห้าของดัชนี Henley Passport Index อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปกำลังใกล้เข้ามาโดยที่ยังไม่มีเงื่อนไขที่ชัดเจน สถานะที่เคยมั่นคงของสหราชอาณาจักรจึงเริ่มมีความไม่แน่นอนมากขึ้น โดยหนังสือเดินทางสหราชอาณาจักรได้หลุดจากห้าอันดับแรกของการจัดอันดับระดับโลกเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคมปีนี้
Dr. Juerg Steffen ซีอีโอของบริษัทด้านการย้ายถิ่นจากการลงทุน Henley & Partners กล่าวว่า บริษัทพบว่ามีชาวอังกฤษสมัครเข้าร่วมโครงการย้ายถิ่นฐานและสิทธิการเป็นพลเมืองจากการลงทุนเพิ่มสูงขึ้นถึง 200% ในช่วงสองปีที่ผ่านมา "เราพบว่ามีการสอบถามเกี่ยวกับทางเลือกในการลงทุนเพื่อย้ายถิ่นฐานเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจากผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง (HNWI) ทั้งชาวอังกฤษและฮ่องกง ผู้จัดการความมั่งคั่งเอกชนส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า ความมั่งคั่งเพียงอย่างเดียวไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะนำไปสู่อิสรภาพและความมั่นคงทั้งส่วนตัวและทางการเงิน ผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงชาวอังกฤษอาจไม่ทราบถึงเรื่องนี้เนื่องจากเคยชินกับการครอบครองสถานะการเป็นพลเมืองที่มั่นคง แต่สำหรับผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงจากประเทศที่มีเสถียรภาพน้อยกว่า การบริหารจัดการความเสี่ยงและสร้างโอกาสจากทางเลือกในการย้ายถิ่นฐานและสิทธิการเป็นพลเมืองเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่าย"
ทั้งนี้ ยังมีทางเลือกอื่น ๆ อีกมากมายสำหรับผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงชาวอังกฤษที่ไม่มีความเกี่ยวโยงทางสายเลือดและไม่สามารถสมัครรับสิทธิพลเมืองในประเทศเยอรมนี ไอร์แลนด์ และประเทศอื่นๆ ในยุโรป โดยมอลตาและไซปรัสได้เสนอสิทธิการอาศัยอยู่ในประเทศจากการลงทุนในราคาที่ต่ำลงด้วยการลงทุนมูลค่า 1 ถึง 2 ล้านยูโร นอกจากนี้ โครงการ Portugal Golden Residence Permit Program ของโปรตุเกส และโครงการ Greece Golden Visa Program ซึ่งมูลค่าการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ขั้นต่ำอยู่ที่ 350,000 ยูโร และ 250,000 ยูโรตามลำดับ ก็เป็นโครงการที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเปิดโอกาสให้สามารถสมัครรับสิทธิการเป็นพลเมืองเต็มรูปแบบได้หลังจากห้าปีไปแล้ว
Dr.Steffen ชี้ว่า โครงการย้ายถิ่นฐานและสิทธิการเป็นพลเมืองจากการลงทุนหลายโครงการทั่วโลกได้เสนอทางเลือกในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถใช้การซื้ออสังหาริมทรัพย์ประกอบการสมัครได้ "ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในยุโรปกำลังเติบโต การได้รับสิทธิการเป็นพลเมืองหรือการพำนักในประเทศเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยและมีเหตุผล โครงการย้ายถิ่นฐานจากการลงทุนมีความผันผวนในตัวอยู่แล้ว ในแง่ที่ว่าสมการของมูลค่าซึ่งต่างจากมูลค่ามาตรฐานของอสังหาริมทรัพย์ตามจริงนั้นกว้างขึ้น ซึ่งมาพร้อมกับความสามารถในการเคลื่อนย้ายที่เพิ่มมากขึ้น ถือเป็นทางเลือกที่เข้าถึงได้และปฏิบัติได้จริงในการลดปัจจัยเสี่ยงทุกด้านจากการเจรจาแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร"
Sarah Nicklin
Senior Group Public Relations Manager
sarah.nicklin@henleyglobal.com