UOB ชูความเป็นอยู่และสุขภาวะจิตที่ดี เป็นหัวใจของแนวทางใหม่หลังยุคโควิด-19

ข่าวทั่วไป Thursday November 19, 2020 10:20 —ข่าวประชาสัมพันธ์พีอาร์นิวส์ไวร์

มอบทางเลือกให้พนักงานสร้างสมดุลระหว่างวิธีและสถานที่ทำงาน

ธนาคาร UOB เตรียมให้พนักงานส่วนใหญ่ในจำนวนพนักงานทั้งหมดที่มีอยู่ราว 26,000 คนสามารถเลือกทำงานจากระยะไกลได้สองวันต่อสัปดาห์ หลังจากสิ้นสุดมาตรการโควิด-19 เพื่อสร้างความสมดุลที่เหมาะสมระหว่างการปฏิบัติตามวิชาชีพของแต่ละบุคคลและความเป็นอยู่ที่ดี โดยพบว่าการทำงานระยะไกลสูงสุดสัปดาห์ละสองวัน[1] สามารถช่วยให้พนักงานยังคงความรู้สึกผูกพันกับเพื่อนร่วมงานและบริษัท ในขณะเดียวกันก็สามารถทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

การประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ธนาคารได้ทำการศึกษารูปแบบการทำงาน พื้นที่การทำงาน และเครื่องมือเทคโนโลยีสำหรับพนักงานเป็นระยะเวลาหกเดือน โดยมีการประเมินว่าร้อยละ 65 ของตำแหน่งหน้าที่ในธนาคารซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ต้องพบปะลูกค้านั้นเหมาะที่จะทำงานจากระยะไกล ไม่ว่าจะจากที่บ้านหรือที่อื่น ๆ นอกสำนักงาน แผนทางเลือกการทำงานระยะไกลดังกล่าวของ UOB สอดคล้องกับความต้องการในวงกว้างในภูมิภาค เนื่องจากร้อยละ 80 ของประชากรในอาเซียนระบุว่าต้องการรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น[2] จากผู้ว่าจ้าง

มร. ดีน ตอง ประธานฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ UOB กล่าวว่า บรรทัดฐานของวิธีการทำงานและสถานที่ทำงานกำลังถูกทบทวนใหม่ ขณะเดียวกันแนวคิดเกี่ยวกับพื้นที่และสถานที่ทำงานก็กำลังเปลี่ยนแปลงไปและจำเป็นต้องได้รับการจัดการ

"เราเชื่อว่าสถานที่ทำงานในอนาคตจะเป็นแบบไฮบริดซึ่งพนักงานสามารถเลือกได้ว่าจะบริหารจัดการการทำงานของตนเองอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การทำงานจากที่บ้านในช่วงโควิด-19 แม้จะแสดงให้เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและกระตือรือร้น แต่เราจำเป็นต้องมองออกไปให้ไกลกว่าปัจจุบัน และออกแบบอนาคตการทำงานที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น หลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการรักษาระยะห่าง ผู้คนจะอยากรวมตัวกันในที่ทำงานเพื่อทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด การพัฒนาวิธีแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และการหารือกันต่อหน้า และจะอยากทำงานผ่านระบบออนไลน์สำหรับงานที่เป็นกิจวัตรซึ่งสามารถทำจากสถานที่ใดก็ได้"

"แนวทางแบบไฮบริดนี้จะต้องใช้การปรับตัว และเราจำเป็นต้องให้การสนับสนุนและทรัพยากรที่จำเป็นแก่พนักงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน ด้วยแผนทางเลือกการทำงานระยะไกล เราให้ความสำคัญในการสร้างสมดุลที่เหมาะสมระหว่างการให้พนักงานได้มีความยืดหยุ่นในการจัดสรรลำดับความสำคัญในการทำงาน กับการรักษาความสัมพันธ์ การทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมองค์กรของเรา" Mr Tong กล่าว

แผนทางเลือกการทำงานจากระยะไกลของ  UOB มุ่งเน้นความเอาใจใส่ การทำงานร่วมกัน และวัฒนธรรม

UOB ได้รับฟังความคิดเห็นของพนักงานในเครือข่ายทั่วโลกเกี่ยวกับความเครียดที่เกิดจากการทำให้บ้านกลายเป็นสำนักงานระหว่างช่วงโควิด-19 โดยพนักงานร้อยละ 85 ระบุว่าการทำงานจากบ้านมีประสิทธิภาพเท่าเดิม ขณะที่อีกร้อยละ15 ระบุว่าประสบปัญหาความท้าทายจากความเครียด[3] ซึ่งรวมถึงความเครียดในเรื่องการรักษาสมดุลระหว่างการใช้เวลากับครอบครัวและการทำงาน, ชั่วโมงการทำงานที่เพิ่มมากขึ้นจากความรู้สึก 'พร้อมทำงานเสมอ' และความลำบากของการรักษาความเป็นทีมเวิร์คและการทำงานร่วมกันผ่านช่องทางออนไลน์

"สุขภาวะทางจิตในระยะยาวของพนักงานของเราเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะในท้ายที่สุดแล้ว มนุษย์เราล้วนเป็นสัตว์สังคม ด้วยเหตุนี้ เราจึงให้ความสำคัญกับความรู้สึกเป็นชุมชนและการเป็นส่วนหนึ่ง การเอาใจใส่พนักงานในระยะยาวคือหัวใจสำคัญของการบริหารจัดการของเรา" Mr Tong กล่าว

ยกตัวอย่างเช่น ธนาคาร UOB ได้ริเริ่มโครงการ 'สัปดาห์เพื่อสุขภาวะ' (Wellness Week) สำหรับพนักงาน โดยเปิดโอกาสให้พนักงานในทุกแห่งสามารถเข้าร่วมกิจกรรมผ่านทางออนไลน์ที่มุ่งเสริมสร้างความแข็งแรงทางร่างกาย จิตวิทยาเชิงบวก วิถีตามหลักการยศาสตร์ (ergonomics) และโภชนาการได้ นอกจากนี้ ธนาคาร UOB ยังเป็นแนวหน้าในการส่งเสริมการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตผ่านการเสวนาให้ความรู้และคอร์สเรียนออนไลน์ด้วย ซึ่งผลปรากฏว่าร้อยละ 91 ของพนักงานรู้สึกขอบคุณที่ธนาคารแสดงความห่วงใยในช่วงวิกฤตการระบาดของโควิด-19[4]

นอกจากแผนทางเลือกการทำงานระยะไกล ธนาคาร UOB ยังจะดำเนินมาตรการ Flexi-2 ซึ่งกำหนดให้พนักงานมีเวลาเพิ่มสองชั่วโมงต่อเดือนในการจัดการกับธุระส่วนตัวระหว่างช่วงเวลาทำงานไว้ต่อไป อีกทั้งพนักงานยังสามารถได้ประโยชน์จากช่วงเวลาเริ่มงานที่ยืดหยุ่นตามแนวทางปฏิบัติท้องถิ่นของแต่ละตลาด อย่างเช่นในสิงคโปร์ พนักงานจะสามารถเลือกเวลาเริ่มงานระหว่าง 7.00-10.00 น. ตามรูปแบบการทำงานของตนเองได้

UOB เร่งแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อความคล่องตัวและความสัมพันธ์กับพันธมิตรในภูมิภาค

เพื่อสนับสนุนแผนทางเลือกการทำงานจากระยะไกล ธนาคาร UOB จะเร่งแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานซึ่งได้วางมาตรฐานใหม่สำหรับสำนักงานที่จะใช้ในทั่วภูมิภาค การพัฒนาดังกล่าวจะช่วยให้เกิดการทำงานเป็นทีมที่คล่องตัวมากขึ้นและการทำงานร่วมกันในระดับที่สูงขึ้นระหว่างตำแหน่งหน้าที่ต่าง ๆ ในธนาคาร

โมเดลการทำงานที่มีความคล่องตัวของ UOB ซึ่งริเริ่มขึ้นเมื่อสองปีก่อน ถูกสะท้อนออกมาให้เห็นในศูนย์นวัตกรรมแห่ง UOB (UOB Centre for Innovation) ที่ SGX Centre ในสิงคโปร์ ศูนย์นวัตกรรมดังกล่าวได้พัฒนาโซลูชั่นเชิงนวัตกรรมสำหรับลูกค้า อย่างเช่น TMRW ธนาคารดิจิทัลแห่งแรกของอาเซียนสำหรับดิจิทัลเจเนอเรชัน หรือการพัฒนา UOB Mighty แอปธนาคารทางมือถือแบบครบวงจรสำหรับผู้บริโภคที่ได้รับรางวัล นอกจากนี้ สถานที่ทำงานของธนาคารยังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดสมรรถภาพสูงสุดในการทำงาน

ในมาเลเซียและไทย โครงการปรับปรุงและย้ายสำนักงานใหญ่กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการและคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 โดยสำนักงานแห่งใหม่ในภูมิภาคนี้จะเป็นพื้นที่ในการทำงานแบบเปิดและเอนกประสงค์ที่เอื้อต่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและการดำเนินกิจกรรมทางสังคมของบริษัท

ในสิงคโปร์ ธนาคาร UOB จะเพิ่มพื้นที่สังคมใหม่ ๆ ในย่านสำคัญเพื่อให้พนักงานพบปะกันและผ่อนคลาย ตัวอย่างเช่น ที่ Boat Quay ธนาคารได้เปลี่ยนสำนักงานให้เป็นสโมสรสำหรับการทำงานร่วมกันและกิจกรรมสันทนาการ ซึ่งจะเปิดให้บริการหลังการคลายมาตรการรักษาระยะห่างในช่วงโควิด-19

[1] จากการสำรวจ Hybrid Workforce Model Webinar Poll ของ Gartner ซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2563 และถูกนำมาตีพิมพ์ในรายงาน Operationalizing Remote Work at Scale in the Hybrid Workforce Model เผยแพร่เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2563
[2] จากรายงานการศึกษา UOB ASEAN Consumer Sentiment Study ที่จัดทำโดย UOB และ Blackbox ในเดือนก.ค. 2563 ด้วยการสำรวจความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 3,510 คนที่มีอายุระหว่าง 18-65 ปีจาก 5 ประเทศในเอเชีย ได้แก่ ผู้ตอบแบบสำรวจ 1,030 คนจากสิงคโปร์ และ 2,480 คนจากอินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ไทย และเวียดนาม 
[3] จากการสำรวจความคิดเห็นของพนักงาน UOB ประจำปี 2563 (2020 UOB Employee Survey) โดยมีพนักงานเข้าร่วมการสำรวจ 26,000 จากทั่วโลก ในระหว่างเดือนเม.ย.-มิ.ย. 2563
[4] จากการสำรวจความคิดเห็นของพนักงาน UOB ประจำปี 2563 (2020 UOB Employee Survey) โดยมีพนักงานเข้าร่วมการสำรวจ 26,000 จากทั่วโลก ในระหว่างเดือนเม.ย.-มิ.ย. 2563

เกี่ยวกับ ธนาคารยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์

ธนาคารยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ จำกัด (ยูโอบี) คือธนาคารชั้นนำในเอเชียที่มีเครือข่ายสำนักงานกว่า 500 แห่ง ใน 19 ประเทศ ทั้งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และอเมริกาเหนือ โดยนับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2478 ยูโอบีได้สร้างการเติบโตจากภายในองค์กรเองและผ่านการเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์มาอย่างต่อเนื่อง ยูโอบีได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในธนาคารชั้นนำของโลก โดยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ Aa1 โดยมูดีส์ และระดับ AA- โดยสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ และฟิทช์ เรทติงส์ สำหรับในเอเชีย ยูโอบีดำเนินกิจการผ่านสำนักงานใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ และสำนักงานสาขาในจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม ตลอดจนสาขาธนาคารและสำนักงานตัวแทนทั่วภูมิภาค

ตลอดระยะเวลากว่า 8 ทศวรรษที่ผ่านมา พนักงานของยูโอบีจากรุ่นสู่รุ่นต่างมุ่งมั่นทำงานด้วยจิตวิญญาณของความเป็นผู้ประกอบการ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าในระยะยาวและยึดมั่นต่อพันธกิจในการทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อลูกค้าและเพื่อนร่วมงานของเรา

เราเชื่อในการเป็นผู้ให้บริการทางการเงินที่มีความรับผิดชอบ และมุ่งมั่นที่จะพลิกชีวิตของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและชุมชนที่เราดำเนินกิจการอยู่ทุกแห่ง ควบคู่ไปกับการทุ่มเทช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถบริหารการเงินของตนเองอย่างชาญฉลาดและผลักดันให้ธุรกิจเติบโต ตลอดจนยึดมั่นในการสนับสนุนการพัฒนาสังคม โดยเฉพาะในด้านศิลปะ เยาวชน และการศึกษา


แท็ก โควิด-19   uob  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ