กรุงเทพฯ -- 16 ก.พ 2549 -- พีอาร์นิวส์ไวร์-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์
โครงการงบประมาณ 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ช่วยจัดหาสิ่งจำเป็นและก่อตั้งศูนย์ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยและชุมชน
ในขณะที่บางพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว ได้เริ่มต้นการฟื้นฟูภายหลังการทำลายล้างของคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อเดือนธันวาคม 2547 ผู้รอดชีวิตจำนวนมากยังคงต้องต่อสู้กับอุปสรรคทางกฎหมายในหลากหลายมิติ อันส่งผลให้การบูรณะสิ่งปลูกสร้างและการชดเชยความเสียหายเป็นไปอย่างยากลำบาก มูลนิธิเอเชียเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรซึ่งทุ่มเทให้กับการพัฒนาในทวีปเอเชียมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1954 ได้ออกแถลงการณ์ถึงเงินให้เปล่าจากธนาคารโลกเป็นจำนวน 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อโครงการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้ประสบภัยสึนามิเป็นระยะเวลา 18 เดือน ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากกองทุนพัฒนาสังคมของประเทศญี่ปุ่น ด้วยเงินจำนวนนี้ มูลนิธิเอเชียมีโครงการเปิดศูนย์ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายที่จังหวัดกระบี่ เพื่อให้บริการช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติภัยสึนามิในจังหวัดระนอง พังงา กระบี่ และสตูล
มูลนิธิเอเชียจะช่วยเผยแพร่ข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวกับสิทธิ การเข้าถึงการบริการของภาครัฐ การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย และความช่วยเหลือในกระบวนการยุติธรรม โดยอาศัยเครือข่ายของผู้ชำนาญการในสหวิชาชีพต่างๆ ทั้งนักกฎหมาย ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ นักสังคมสงเคราะห์ ล่าม และนักจิตวิทยา ในการแก้ไขความขัดแย้งกรณีต่างๆ เช่น การถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน การพิสูจน์สินทรัพย์ การรับมรดก การว่างงาน และการรับเด็กกำพร้าเป็นบุตรบุญธรรม อันเป็นปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ประสบภัยในภาคใต้ของไทยเป็นจำนวนมาก
ดร. เจมส์ อาร์. ไคลน์ ผู้แทนมูลนิธิเอเชีย ประจำประเทศไทย กล่าวว่า " ผู้ประสบภัยสึนามิเหล่านี้มีความเปราะบางเป็นทุนเดิม มักไม่สามารถถ่ายทอดความต้องการของพวกเขาต่อศาล และสับสนกับกระบวนการ ขั้นตอน หรือรู้สึกหวาดกลัวกับกฎหมาย ผลลัพธ์ก็คือ หลายคนเลือกที่จะไม่รับการชดเชยทั้งที่พวกเขามีสิทธิ์ ซึ่งสามารถทำให้ชีวิตของพวกเขาและครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก"
นายเอียน พอร์เตอร์ ผู้อำนวยการธนาคารโลก ประจำประเทศไทย กล่าวด้วยว่า "การให้ความช่วยเหลือของเราต่อโศกนาฏกรรมสึนามิในประเทศไทย ได้มุ่งเน้นไปที่ความต้องการในระยะปานกลางของชุมชนที่ได้รับผลกระทบและประชาชนผู้เสียหาย การช่วยให้ผู้คนฟื้นฟูชีวิตของตนเองด้วยการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย และการสนับสนุนในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน ในขณะเดียวกัน ก็ช่วยเสริมสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของชุมชน ส่งเสริมศักยภาพและการมีส่วนร่วมของชุมชนในท้องถิ่น โดยการประสานความร่วมมือกับมูลนิธิเอเชีย อันเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ "การสร้างขึ้นใหม่ให้ดีกว่าเดิม" ให้แก่ประเทศไทย"
มูลนิธิเอเชียเป็นองค์กรระหว่างประเทศเพียงองค์กรเดียวที่ทำงานในประเด็นทางกฎหมายและให้บริการแก่ผู้ประสบภัยทางตอนใต้ของประเทศไทย เวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาภายหลังจากเหตุการณ์สึนามิ ผู้รอดชีวิตยังคงเจ็บปวดทั้งทางจิตใจและอารมณ์ หลายคนยากจนลงกว่าเดิมเพราะความสูญเสียที่เกิดขึ้น เงินให้เปล่าจำนวนนี้จากธนาคารโลกจะช่วยให้มูลนิธิเอเชียสามารถสานต่อโครงการและขยายความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้ประสบภัยได้อย่างต่อเนื่อง
คนไทยในภาคใต้จำนวนมากที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิ ขาดความรู้ทางกฎหมายขั้นพื้นฐาน และไม่คุ้นเคยกับการใช้สิทธิของตนเองที่มีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ คนเหล่านั้นส่วนใหญ่ไม่ชำนาญการใช้ภาษาราชการไทยที่ใช้ในกระบวนการยุติธรรม เงินสนับสนุนภายใต้โครงการนี้จะทำให้ประชาชนและชุมชนสามารถเข้าถึงการบริการด้านกฎหมาย การว่าจ้างล่าม และการได้รับความช่วยเหลือสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างดำเนินคดีในชั้นศาล ซึ่งรวมถึงการเดินทางไปศาล นอกจากนี้ ยังครอบคลุมถึงผู้ประสบภัยที่ต้องได้รับการรักษาสภาพจิตใจเพื่อให้มีความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจในการเรียกร้องความยุติธรรมต่อไป
โครงการนี้จะอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมให้แก่ผู้ประสบภัยสึนามิและชุมชนจำนวนมาก ด้วยการจัดสรรกองทุนเพื่อให้ทนายความอาสาได้ใช้ในการสืบสวนคดี เตรียมคดีในการฟ้องร้อง และติดตามคดีในขั้นศาล หรือดำเนินการไกล่เกลี่ย นอกจากนี้ ยังจะส่งเสริมการสร้างชุมชนโดยการสนับสนุนการยื่นฟ้องในนามกลุ่มบุคคล มูลนิธิเอเชียจะจัดให้มีการอบรมการมีส่วนร่วมของประชาชนให้กับผู้นำชุมชนและตัวแทนกลุ่มต่างๆ เสริมไปกับขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย การอบรมนี้จะให้ความรู้เรื่องสิทธิและวิธีการติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ถึงความต้องการของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังในประเด็นทางกฎหมายที่ชุมชนกำลังเผชิญอยู่
นายดักลาส บีไรท์เตอร์ ประธานมูลนิธิเอเชีย กล่าวว่า "เงินให้เปล่าจากธนาคารโลกจำนวนนี้จะช่วยให้มูลนิธิเอเชียสามารถเสริมต่อพันธะกิจในการดำเนินงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยและครอบครัว ทั้งยังสนับสนุนการเข้าถึงความช่วยเหลือทางกฎหมายที่มีประสิทธิภาพแก่ผู้ที่กำลังเผชิญความยากลำบากในประเทศไทยอีกด้วย"
มูลนิธิเอเชียในประเทศไทย
มูลนิธิเอเชียก่อตั้งขึ้นและดำเนินการในประเทศไทยตั้งแต่ปี ค.ศ. 1954 โดยมุ่งหวังที่จะส่งเสริมความโปร่งใสในการทำงานของรัฐบาล ความมีส่วนร่วมของประชาชน และสนับสนุนความพยายามอันสร้างสรรค์ในการสร้างระบบที่สนองตอบความต้องการของประชาชน โปร่งใสและเชื่อถือได้ ในระยะเวลาห้าทศวรรษที่ผ่านมา มูลนิธิเอเชีย ประเทศไทย ให้การสนับสนุนสถาบันตามระบอบประชาธิปไตย อันประกอบด้วย การสนับสนุนการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 และเผยแพร่หนังสือและวารสารจำนวนกว่า 2.5 ล้านเล่ม ไปยังห้องสมุด โรงเรียน และมหาวิทยาลัยต่างๆ
มูลนิธิเอเชีย
มูลนิธิเอเชียเป็นองค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรซึ่งมีความมุ่งมั่นจะพัฒนาสังคมที่สงบสุข มั่งคั่ง เป็นธรรม และเปิดกว้างในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มูลนิธิเอเชียให้การสนับสนุนโครงการต่างๆ ในเอเชียเพื่อส่งเสริมการปกครองและกฎหมาย การปฏิรูปเศรษฐกิจและการพัฒนา การมีส่วนร่วมของสตรี และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้ดีขึ้น จากประสบการณ์ 50 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิเอเชียได้ให้ความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชนในการสนับสนุนการพัฒนาผู้นำและสถาบัน โครงการแลกเปลี่ยน และการวิจัยเชิงนโยบาย
เครือข่ายซึ่งประกอบด้วยสำนักงานในประเทศแถบเอเชีย 18 แห่ง สำนักงานในกรุงวอชิงตันดี.ซี. และสำนักงานใหญ่ ณ นครซานฟรานซิสโก ทำให้มูลนิธิเอเชียสามารถชี้ให้เห็นถึงประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งระดับประเทศและภูมิภาค เฉพาะปี พ.ศ. 2548 มูลนิธิเอเชียได้ให้การสนับสนุนโครงการต่างๆ ในทวีปเอเชียเป็นมูลค่ามากกว่า 61 ล้านเหรียญสหรัฐ และบริจาคหนังสือมากกว่า 1.1 ล้านเล่ม รวมทั้งอุปกรณ์การศึกษาซึ่งมีมูลค่าเกือบถึง 28 ล้านเหรียญสหรัฐ
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซด์ของมูลนิธิเอเชียได้ที่
http://www.asiafoundation.org
--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท (www.asianetnews.net)--