Beekman Tower ในมหานครนิวยอร์กเลือกใช้คอนกรีตอัจฉริยะ iCrete

ข่าวต่างประเทศ Monday February 16, 2009 10:46 —Asianet Press Release

นิวยอร์ก--16 ก.พ.--พีอาร์นิวส์ไวร์ - เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์ - อาคารที่อยู่อาศัยสูงที่สุดและเป็นตึกระฟ้าแห่งใหม่ล่าสุดในแมนฮัตตันใช้คอนกรีตผสมเสร็จ iCrete จำนวน 280 ล้านปอนด์ เพื่อลดก๊าซเรือนกระจก ต้นทุนค่าวัตถุดิบ เวลาในการขุดเจาะ และแรงงาน - ค่าความแข็งแกร่งอยู่ระหว่าง 6,000 psi ถึงค่าความแข็งแกร่งสูงสุดที่ 12,000 psi ซึ่งเป็นค่าที่กำหนดไว้สำหรับการสร้างผนังคอนกรีตเสริมเหล็กรับแรงเฉือน เสา และคานกลาง - การใช้ iCrete สำหรับการก่อสร้าง Beekman Tower จะทำให้สร้างเสร็จเร็วยิ่งขึ้น ลดการหดตัว เพิ่มความคงทน ลดรอยแตกลายงา และเพิ่มความต้านทานต่อ ปฎิกิริยา Alkali - Silica reactivity และการคืนรูป (freeze-thaw) (คัดลอกมาจากนิตยสาร Concrete Today โดยได้รับอนุญาตแล้ว) ตึกสูงเหนือท้องฟ้าแมนฮัตตัน แค่ไม่กี่บล็อกจาก เวิลด์ เทรด เซ็นเตอร์ คอมเพล็กซ์ เป็นหนึ่งในโครงการก่อสร้างที่สำคัญแห่งหนึ่ง ในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่การก่อสร้างของตึก WTC เดิม กว่า 40 ปีที่ผ่านมา ด้วยความสูง 76 ชั้น งบประมาณ 660 ล้านดอลลาร์สหรัฐ Beekman Tower จะเป็นแรงกระตุ้นให้ย่านโลเวอร์ แมนฮัตตันกลับฟื้นคืนชีวิตอีกครั้ง (โลโก้: http://www.newscom.com/cgi-bin/prnh/20080729/LATU051LOGO) อาคารออกแบบโดย Frank Gehry สถาปนิกชื่อดังจากลอสแองเจลิสและผู้ได้รับรางวัล Pritzker Architecture Prize โดยจะสร้างเป็นอพาร์ทเมนต์ที่อยู่อาศัยสุดหรู 903 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องจะมีแผนผังเฉพาะของตน และคาดว่าจะเข้าอยู่ได้ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2010 Silvian Marcus ซีอีโอของ WSP Cantor Seinuk กล่าวว่า Beekman Tower จะเป็นอาคารที่สร้างด้วยคอนกรีตทั้งหมด ไม่เหมือน Freedom Tower ซึ่งสร้างด้วยเหล็กโดยมีคอนกรีตเป็นแกน ทั้งนี้ เมื่อสร้างเสร็จ Beekman จะเป็นอาคารที่อยู่อาศัยที่สูงที่สุดในมหานครนิวยอร์ก ช่างปูนจะใช้คอนกรีตซึ่งมีความแข็งแรงสูงในการหล่อพื้นที่ประมาณ 65,000 ลูกบาศก์หลาสำหรับโครงสร้างหลัก และอีก 9,000 ลูกบาศก์หลาสำหรับรากฐาน จนกว่าจะสร้างเสร็จ จะใช้คอนกรีตทั้งสิ้นจำนวน 280 ล้านปอนด์ โดยมีค่าความแข็งแกร่งอยู่ในช่วง 6,000 ถึง 11,000 psi Marcus เผยว่าการสร้างผนังคอนกรีตเสริมเหล็กรับแรงเฉือน เสา และคานกลางจะต้องการความแข็งแกร่งมากกว่า 12,000 psi "ต้องขอขอบคุณคอนกรีตประสิทธิภาพสูงจาก บริษัท iCrete ในแคลิฟอร์เนียที่ทำให้เราสามารถใช้อัตราส่วนการผสมระหว่างน้ำกับปูนซีเมนต์น้อยลง" เขากล่าว “ทำให้เราใช้ปริมาณปูนซีเมนต์น้อยลง 30 ถึง 40%" สูตรสำหรับคอนกรีตผสมเสร็จนี้ ได้รับการพัฒนาโดย iCrete ด้วยการนำนวัตกรรมการออกแบบอาคารภายใต้แนวคิด LEED เพื่อช่วยเรื่องการประหยัดพลังงาน iCrete ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงถึง 40% เนื่องจากใช้ปูนซีเมนต์ในการเชื่อมต่อส่วนผสมของคอนกรีตน้อยลง รวมไปถึงลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งหมายถึงการลดต้นทุนค่าวัตถุดิบ เวลาในการขุดเจาะ และแรงงาน นอกจากนี้ iCrete ยังช่วยให้การก่อสร้างเสร็จเร็วยิ่งขึ้น ลดการหดตัว เพิ่มความคงทน ลดรอยแตกลายงา และเพิ่มความต้านทานต่อปฎิกิริยา Alkali - Silica reactivity และการคืนรูป (freeze-thaw) ตลอดจนใช้เหล็กน้อยลง (สงวนลิขสิทธิ์ 2009, Concrete Today Magazine และ Florida Media) เกี่ยวกับ iCrete iCrete เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีสะอาดของระบบการผลิตคอนกรีตชั้นนำให้กับอุตสาหกรรมก่อสร้าง พันธกิจของ iCrete คือ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างและคอนกรีตสู่มาตรฐานใหม่ในการทำกำไร ความเป็นมาตรฐาน และการดูแลสิ่งแวดล้อม ธุรกิจหลักของ iCrete คือ การให้สิทธิระบบ iCrete โซลูชันการผสมและคุณภาพกับผู้ผลิตคอนกรีต ซึ่งเปลี่ยนวิถีของคอนกรีตสำเร็จและคอนกรีตแบบใหม่ได้รับการออกแบบ ผลิต และใช้ทั่วโลก เยี่ยมชม iCrete ได้ที่ http://www.icrete.com แหล่งข่าว iCrete LLC ติดต่อ: ตัวแทน iCrete สตีฟ โซโลมอน จาก รูเบนสไตน์ แอสโซสิเอทส์ โทร: +1-212-843-8042 อีเมล์: ssolomon@rubenstein.com หรือ จอร์จ เฟงเคิล จาก Concrete Today Magazine โทร: +1-407-816-9596 ต่อ 203 อีเมล์: georgef@floridamagazine.com http://www.concretetoday.com/prev/feb09.php รูปภาพ: http://www.newscom.com/cgi-bin/prnh/20080729/LATU051LOGO / --เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net ) --

แท็ก นิวยอร์ก  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ