ฉบับที่ 3/2555
ภาวะเศรษฐกิจการเงินภาคเหนือ เดือนมกราคม 2555 ขยายตัวดีตามการขับเคลื่อนจากภาคท่องเที่ยว การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการค้าระหว่างประเทศ ขณะที่การบริโภคยังขยายตัวได้ไม่เต็มที่โดยเฉพาะในหมวดยานยนต์ รายได้เกษตรกรปรับตัวดีขึ้น ส่วนการลงทุนยังหดตัว ด้านเสถียรภาพ อัตราเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่องตามราคาอาหารสด การว่างงานยังมีระดับต่ำ ด้านเงินฝากและเงินให้สินเชื่อขยายตัวดี รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือ มีดังนี้
ภาคบริการขยายตัว โดยการท่องเที่ยวขยายตัวดีต่อเนื่อง จากการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น งานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 พิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัย และงานเทศกาลตรุษจีน รวมทั้งภาวะอากาศหนาวเย็นจูงใจ
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ข้อมูลเบื้องต้น) ขยายตัวดีตามการผลิตของอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป อาทิ ผลไม้ ผักสดแช่แข็ง และการผลิตน้ำตาล ประกอบกับการผลิตของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มขยายตัวจากการผลิตเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นตามปริมาณส่งออก ด้านการผลิตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับดีขึ้นตามการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์และใน Smart Phone รายได้เกษตรกรปรับดีขึ้นจากหดตัวร้อยละ 17.4 เดือนก่อน เป็นหดตัวร้อยละ 5.0 จากด้านปริมาณผลผลิตกลับมาขยายตัวร้อยละ 0.6 หลังจากประสบอุทกภัยท่าให้หดตัวตั้งแต่เดือนกันยายน 2554 โดยผลผลิตอ้อยโรงงานและมันส่าปะหลังเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากราคาของปีก่อนสูงจูงใจเกษตรกรเพิ่มผลผลิต ส่วนผลผลิตข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ออกสู่ตลาดลดลง เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว ด้านราคาพืชผลหดตัวร้อยละ 5.6 โดยราคาอ้อยโรงงานแม้อยู่ในระดับสูงตามราคาอ้อยขั้นต้น แต่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ที่ทางการเพิ่มเงินช่วยเหลือเกษตรกร ประกอบกับราคามันส่าปะหลังชะลอลงตามการส่งออก อย่างไรก็ตาม ภาครัฐได้เริ่มมีโครงการแทรกแซงตลาดช่วยเหลือเกษตรกร ทางด้านราคาข้าวเปลือกนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ส่าหรับดัชนีการค้า (ข้อมูลเบื้องต้น) ขยายตัวทั้งหมวดค้าส่ง และค้าปลีก ส่วนหมวดยานยนต์หดตัว
การอุปโภคบริโภคภายในประเทศชะลอตัวจากการขาดแคลนสินค้าคงทนหมวดยานยนต์ที่ยังผลิตได้ไม่เพียงพอกับความต้องการ ส่งผลให้ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (ข้อมูลเบื้องต้น) ขยายตัวในอัตราชะลอลง อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับดีขึ้น หลังจากภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูจากเหตุอุทกภัย รวมทั้งการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนหดตัวร้อยละ 3.1 ต่อเนื่องจากเดือนก่อน ตามการลงทุนเพื่อก่อสร้าง ประกอบกับปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ยังหดตัวจากการขาดแคลนสินค้า ส่วนด้านการจ่าหน่ายวัสดุก่อสร้างยังขยายตัวดีจากความต้องการซ่อมแซมและฟื้นฟูหลังประสบอุทกภัย ส่าหรับการเบิกจ่ายงบประมาณผ่านคลังจังหวัดในภาคเหนือยังหดตัวต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 เพราะรอการประกาศใช้พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ่าปี 2555
การส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือ มีมูลค่า 310.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 22.9 เร่งตัวจากเดือนก่อนตามการส่งออกชายแดนเป็นส่าคัญในสินค้าประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ เครื่องอุปโภคบริโภค และวัสดุก่อสร้าง ขณะที่การส่งออกของสินค้าประเภทใช้เทคโนโลยีสูง เช่น เลนส์กล้องถ่ายรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชะลอลง ทางด้านการนาเข้ามีมูลค่า 132.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 15.9 ชะลอลงตามการน่าเข้าสินค้าวัตถุดิบและสินค้าทุน ส่วนการน่าเข้าผ่านด่านชายแดนหดตัวตามการน่าเข้าจากลาวและจีนตอนใต้
เสถียรภาพในประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 4.33 ยังอยู่ในระดับสูง แต่ลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อน ตามราคาอาหารสดเนื่องจากมีสินค้าออกสู่ตลาดต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ราคาพลังงานเร่งสูงขึ้น ส่าหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.68 ทางด้านอัตราการว่างงานเดือนธันวาคม 2554 อยู่ที่ร้อยละ 0.4 ยังอยู่ในระดับต่ำ สอดคล้องกับจ่านวนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่ขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ผู้ขอรับสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานยังเพิ่มขึ้น แต่คาดว่าเป็นภาวะชั่วคราวเพราะสถานประกอบการยังต้องการแรงงานเพิ่ม
เงินให้สินเชื่อของสาขาธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 มีจ่านวน 403,408 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 15.5 ตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อในประเภท สหกรณ์ออมทรัพย์ ค้าปลีกค้าส่ง รับเหมาก่อสร้าง โรงสี/ค้าพืชไร่ และอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล โดยเพิ่มขึ้นมากในจังหวัดนครสวรรค์ เชียงใหม่ และก่าแพงเพชร ทางด้านเงินฝากมีจ่านวน 439,802 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 8.0 เป็นผลจากการระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์บางแห่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นมากในจังหวัดเชียงใหม่และนครสวรรค์ ส่าหรับสัดส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ร้อยละ 91.7 สูงขึ้นเมื่อเทียบกับร้อยละ 90.8 เดือนก่อน
ธนาคารแห่งประเทศไทย ส่านักงานภาคเหนือ
ข้อมูลเพิ่มเติม : ทวีศักดิ์ ใจค่าสืบ
โทร. 0-5393-1162
e-mail : [email protected]
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย