ภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดือนมิถุนายน 2555 ยังขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวจากรายได้ในภาคเกษตรที่ราคาพืชผลสำคัญค่อนข้างดี รวมทั้งการใช้จ่ายภาครัฐที่แม้จะชะลอลงแต่ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี สอดคล้องกับภาคการค้าที่ขยายตัวโดยเฉพาะการค้าปลีกและการค้ารถยนต์ ด้านการลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัวจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มองทิศทางเศรษฐกิจโดยรวมว่ายังขยายตัว สำหรับด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 1.82 ใกล้เคียงกับเดือนก่อนและอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีดังนี้
การบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.0 ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากรายได้ในภาคเกษตรที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้มีการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น เห็นได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งยอดการจดทะเบียนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถบรรทุกส่วนบุคคล การลงทุนภาคเอกชน ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนตามความมั่นใจของนักลงทุนที่มองทิศทางเศรษฐกิจโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยดัชนีการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.4 สะท้อนจากยอดจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 60.2 ขณะที่โครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนยังอยู่ในเกณฑ์ดีโดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนจากกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม อย่างไรก็ตาม พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 15.9 จากธุรกิจภาคบริการเป็นสำคัญ ด้านการใช้จ่ายของภาครัฐ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.9 ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยรายจ่ายงบประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 ส่วนใหญ่เป็นการเบิกจ่ายในหมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ โดยเฉพาะของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนงบลงทุนลดลงร้อยละ 4.0 เนื่องจากได้มีการเร่งเบิกจ่ายในเดือนก่อนหน้าแล้ว
ภาคเกษตร หดตัวจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.0 แต่ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน ตามการขยายตัวของผลผลิตและราคาที่หดตัวน้อยลง โดยดัชนีผลผลิตพืชสำคัญเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.7 ตามผลผลิตยางพาราเป็นสำคัญ สำหรับดัชนีราคาพืชสำคัญหดตัวจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.7 หดตัวน้อยลงจากเดือนก่อน โดยราคายางพาราหดตัวตามการส่งออกตลาดยุโรปที่ลดลงจากปัญหาเศรษฐกิจขณะที่ราคาข้าวลดลงตามการชะลอการรับซื้อข้าวเปลือกของผู้ส่งออก กอปรกับความต้องการจากต่างประเทศลดลงเนื่องจากรอดูสถานการณ์แผนการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาล ส่วนราคาหัวมันสำปะหลังลดลงเนื่องจากลานมันชะลอการรับซื้อ เนื่องจากประเทศจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าหลักสั่งซื้อเป็นช่วงสั้นๆ เพื่อรอดูทิศทางของราคาขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรม หดตัว โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม หดตัวจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ3.0 ตามการผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ที่หดตัวหลังจากมีการเร่งผลิตในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม การผลิตในอุตสาหกรรมน้ำตาลโดยเฉพาะน้ำตาลทรายขาวและอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่ม Hard Disk Drive (HDD) ยังขยายตัวตามความต้องการจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น สำหรับภาคการค้าขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยดัชนีการค้าเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 20.9 เป็นผลจากการเร่งตัวของการค้ายานยนต์เนื่องจากการผลิตรถยนต์ที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติและผลจากโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาล ประกอบกับฐานต่ำในปีก่อนจากผลกระทบสึนามิที่ผู้ผลิตไม่สามารถผลิตรถยนต์ได้เต็มกำลังสำหรับการค้าปลีกขยายตัวดีจากการค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่มเป็นสำคัญ ขณะที่การค้าส่งชะลอลง
เงินฝากธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม มีเงินฝากคงค้าง 532.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12.6 ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินฝากออมทรัพย์ สำหรับสินเชื่อคงค้าง 570.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 19.9 ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อเพื่อการเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สำหรับอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ร้อยละ 107.2 สำหรับเงินฝากสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม มีเงินฝากคงค้าง 302.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 15.8 ตามการจูงใจในเรื่องดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น สำหรับสินเชื่อคงค้าง 773.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 18.9 โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนตามนโยบายรัฐบาล สำหรับอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ร้อยละ 256.0
เสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 1.82 ใกล้เคียงกับเดือนก่อนที่ร้อยละ 1.83 โดยราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มยังคงสูงขึ้นร้อยละ 3.01 ตามราคาอาหารสำเร็จรูป ผักและผลไม้เป็นสำคัญ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 1.83 เท่ากับเดือนก่อน สำหรับอัตราการว่างงานเดือนพฤษภาคม 2555 อยู่ที่ร้อยละ 0.9
ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ข้อมูลเพิ่มเติม : ส่วนเศรษฐกิจภาค
โทร: 0 4333 3000 ต่อ 3410
E-mail: [email protected]
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย