ถนัด ตันสกุล
ธันวาคม 2555
จีนเป็นผู้บริโภคยางอันดับ 1 ของโลก จากข้อมูลของ International Rubber Study Group (IRSG) พบว่า ในปี 2555 มีการบริโภคยางมากถึง 3,790 พันตัน คิดเป็นร้อยละ 34.0 ของการบริโภคยางโลก ในขณะที่จีนมีผลผลิตภายในประเทศเพียง 764 พันตัน ความต้องการใช้อีก 3,024 พันตัน หรือร้อยละ 74.7 ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ โดยในปี 2554 จีนมีการนำเข้ายางจาก 4 ประเทศหลักคือ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม คิดเป็น ร้อยละ 43.6 24.9 16.2 และ 4.1 ของการนำเข้ายางของจีนตามลำดับ
เมื่อพิจารณาตลาดส่งออกยางของไทย พบว่า จีนเป็นตลาดส่งออกยางหลักที่สำคัญที่สุดของไทย ช่วงเวลา 10 เดือนแรกของปี 2555 ไทยส่งออกยางแปรรูปรวมยางคอมพาวนด์ 2,973.8 พันตัน เป็นการส่งออกไปจีนถึง 1,414.0 พันตัน คิดเป็นร้อยละ 47.6 ของปริมาณการส่งออกยางแปรรูปรวมยางคอมพาวนด์ ดังนั้นเศรษฐกิจจีน จึงมีความสำคัญต่อไทยมากทั้งด้านการส่งออกและราคายาง
ทว่า ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2554 ราคายาง ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากหลายปัจจัยอาทิ ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะของสหภาพยุโรป ซึ่งทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป เป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของจีน จึงทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงมากในปี 2555 ส่งผลให้ราคายางลดลงจากกิโลกรัมละ 180 บาท มาอยู่ที่กิโลกรัมละ 90 บาทในช่วงสิ้นปี ช่วงต้นปี 2555 จึงมีกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางจำนวนมากออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม มาตรการต่างๆ ของรัฐบาล ดูเหมือนจะไม่ประสบผลสำเร็จ
ราคายางไม่สูงขึ้นตามที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ที่ 120 บาท/กก. โดยช่วงต้นเดือนธันวาคม 2555 ราคายังคงทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 80 บาทต่อกิโลกรัม
จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนและราคายางเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ธนาคารโลกได้ประมาณการอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GD's Growth) ของจีนปี 2556 ว่าจะเติบโตร้อยละ 8.1 สูงกว่าปี 2555 ที่ประมาณไว้ร้อยละ 7.7 จากปัจจัยบวกหลายประการ อาทิ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2555 ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ได้ออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 4 (Quantitative easing 4 : QE 4) แสดงให้เห็นว่า เฟดไม่ต้องการให้สหรัฐอเมริกาเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จึงมีการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะมั่นใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะสามารถฟ้นตัวได้จริง ปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะของสหภาพยุโรปคาดว่าจะคลี่คลายดีขึ้น และที่สำคัญในเดือนมีนาคม 2556 จีนจะมีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นายสีจิ้นผิง คาดว่าจีนจะมีความชัดเจนด้านนโยบายเศรษฐกิจ และจะมีมาตรการกระตุ้น การบริโภคภายในประเทศเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ เมื่อเป็นเช่นนี้ราคายางใน ปี 2556 จึงน่าจะมีทิศทางที่ดีกว่าปี 2555
บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย
ส่วนเศรษฐกิจภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย