แถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดือนพฤษภาคม 2556

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 28, 2013 14:39 —ธนาคารแห่งประเทศไทย

ฉบับที่ 11/2556

ภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดือนพฤษภาคม 2556 ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนตามการอุปโภคบริโภคของประชาชน เนื่องจากผลของการสิ้นสุดนโยบายรถยนต์คันแรกของรัฐบาล ประกอบกับสภาพคล่องการให้กู้ยืมเพื่อการอุปโภคบริโภคของสถาบันการเงินเริ่มลดลง รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนที่ชะลอลงตาม ภาคการก่อสร้าง ผนวกกับการใช้จ่ายของภาครัฐที่ชะลอลงตามการลดลงของงบประจำและการชะลอตัวของงบลงทุน อย่างไรก็ตาม เสถียรภาพด้านราคายังอยู่ในเกณฑ์ดี

รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีดังนี้

การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอลงจากเดือนก่อน เนื่องจากการสิ้นสุดนโยบายรถยนต์คันแรกของรัฐบาล สะท้อนจากการชะลอตัวของยอดจดทะเบียนรถยนต์ ประกอบกับสภาพคล่องของการให้กู้ยืมเพื่อการอุปโภคบริโภคเริ่มลดลงทั้งธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ สอดคล้องกับการชะลอตัวของภาคการค้า โดยดัชนีการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.0 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอลงจากเดือนก่อนตามการค้าส่ง เป็นผลจากการค้าส่งสินค้าไม่คงทน โดยเฉพาะการค้าส่งวัตถุดิบทางการเกษตรและสัตว์มีปีกที่มีการเร่งตัวในเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม การค้าปลีกยังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี ตามสินค้าหมวดยานยนต์ อาหาร เครื่องดื่มและวัสดุก่อสร้างเป็นสำคัญ สำหรับภาคบริการ ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยอัตราการเข้าพักแรมอยู่ที่ร้อยละ 46.5 ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตราการเข้าพักแรมอยู่ที่ร้อยละ 47.9

การลงทุนภาคเอกชน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.9 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอลงจากเดือนก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะแรงงานที่ยังคงตึงตัว สะท้อนจากการลดลงของพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาล ทุนจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่ และโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ในหมวดบริการและสาธารณูปโภค รวมถึงการชะลอตัวของยอดจดทะเบียนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และเงินลงทุนในโรงงานอุตสาหกรรม การใช้จ่ายของภาครัฐ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.3 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอลงจากเดือนก่อนค่อนข้างมาก เนื่องจากมีการเร่งเบิกจ่ายในช่วงก่อนหน้า โดยในเดือนนี้การเบิกจ่ายงบประจำลดลงจากหมวดค่าตอบแทนเป็นสำคัญ ขณะที่การเบิกจ่ายงบลงทุนชะลอลงตามการลดลงของหมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ และหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้างเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม หมวดรายจ่ายลงทุนอื่น ๆ ยังเพิ่มขึ้น

ภาคเกษตร ดัชนีมูลค่าผลผลิตพืชสำคัญ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนทั้งด้านราคาและผลผลิต โดยดัชนีราคาพืชสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ตามการเพิ่มขึ้นของราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวเพิ่มขึ้น เนื่องจากผลของภัยแล้ง และผลของโครงการรับจำนำของรัฐบาลทำให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง ราคามันสำปะหลังเพิ่มขึ้น เนื่องจากยังมีความต้องการหัวมันสดและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของผู้ประกอบการในประเทศ และประเทศผู้นำเข้าหลักอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับผลผลิตที่อาจลดลงมากกว่าที่คาดไว้จากปัญหาภัยแล้ง ขณะที่ราคายางพาราลดลง เนื่องจากสต็อกยางทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ส่วนราคาอ้อยโรงงานลดลง ตามราคาน้ำตาลโลกที่ปรับลดลงจากปริมาณน้ำตาลโลกส่วนเกินที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากผลผลิตน้ำตาลในประเทศผู้ผลิตหลักเพิ่มขึ้นทั้งบราซิล ไทย อินเดีย และเม็กซิโก ดัชนีผลผลิตพืชสำคัญเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.8 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และปรับตัวดีขึ้นตามผลผลิตยางพารา ที่เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ เนื่องจากมีพื้นที่กรีดได้เพิ่มขึ้นและต้นยางมีอายุมากขึ้นทำให้ได้ผลผลิตสูงขึ้น สำหรับผลผลิตมันสำปะหลังชะลอลง ขณะที่ผลผลิตข้าว และผลผลิตอ้อยโรงงานลดลงจากปัญหาภัยแล้ง

การผลิตภาคอุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 0.4 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ลดลงร้อยละ 3.9 เนื่องจากความต้องการจากต่างประเทศชะลอลง ขณะที่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีผลผลิตเท่ากับเดือนเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมน้ำตาลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.7 ตามการผลิตน้ำตาลทรายขาว เพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์

ภาคการเงิน ธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นเมษายน 2556 เงินฝากของธนาคารพาณิชย์ มียอดคงค้างจานวน 595.9 เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.5 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และขยายตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อน เป็นผลจากเงินฝากออมทรัพย์เป็นสำคัญ สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ มียอดคงค้างจำนวน 697.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 24.3 และยังขยายตัวในระดับสูงตามสินเชื่ออุปโภคบุคคล โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ร้อยละ 117.1 สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ณ สิ้นเมษายน 2556 มีเงินฝากคงค้าง 338.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวจากเดือนก่อน สำหรับสินเชื่อมียอดคงค้าง 885.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอลงจากเดือนก่อน เนื่องจากสถาบันการเงินเริ่มระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากชะลอลงจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 261.9

เสถียรภาพเศรษฐกิจ ยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ร้อยละ 2.71 ยังคงชะลอลงจากเดือนก่อนตามราคาอาหารปรุงที่บ้านโดยเฉพาะผักสดเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ราคาไข่กลับเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 14.43 เนื่องจากภาวะอากาศที่ร้อนกว่าปกติทำให้ปริมาณไข่ออกสู่ตลาดน้อย ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ ร้อยละ 1.26 ชะลอตัวลงจากเดือนก่อน สำหรับอัตราการว่างงาน ณ เดือนเมษายน 2556 อยู่ที่ร้อยละ 0.9 ยังอยู่ในระดับต่ำใกล้เคียงกับเดือนมีนาคมซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 0.8

ธนาคารแห่งประเทศไทย

สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ข้อมูลเพิ่มเติม : ส่วนเศรษฐกิจภาค

โทร: 0 4333 3000 ต่อ 3410

E-mail: [email protected]

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ