แถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือไตรมาสที่ 4 ปี 2556

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 4, 2014 12:59 —ธนาคารแห่งประเทศไทย

ฉบับที่ 02/2557

ภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือไตรมาสที่ 4 ปี 2556 ชะลอตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 ตามการลดลงทั้งการบริโภคและการลงทุน สอดคล้องกับภาคการค้าที่ลดลง โดยเฉพาะการค้ารถยนต์ที่ลดลงมาก รวมถึงแรงกระตุ้นจากการใช้จ่ายของภาครัฐที่ยังคงลดลงต่อเนื่อง ทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนประกอบกับสถาบันการเงินชะลอการให้สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคมากขึ้น อย่างไรก็ดี รายได้เกษตรกรกลับมาเพิ่มขึ้นจากที่หดตัวต่อเนื่องมา 2 ไตรมาส จากผลผลิตข้าวและอ้อยโรงงานที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อปรับตัวดีขึ้นบ้าง สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 2.43 ส่วนอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ

รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีดังนี้

การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.9 ตามการใช้จ่ายสินค้าคงทนโดยเฉพาะรถยนต์ที่ยังคงลดลงต่อเนื่อง สะท้อนจากการจดทะเบียนรถยนต์ลดลงทุกประเภท เนื่องจากในช่วงเดียวกันของปีก่อนประชาชนเร่งซื้อรถยนต์ก่อนโครงการรถยนต์คันแรกจะสิ้นสุดลง ส่งผลให้ฐานในปีก่อนสูง ประกอบกับสถาบันการเงินระมัดระวังในการให้สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคมากขึ้น สอดคล้องกับภาคการค้า โดยดัชนีการค้าลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.2 และลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน โดยเฉพาะการค้าปลีกรถยนต์ที่ลดลงมาก ขณะที่การค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคเริ่มชะลอลง ตามความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อยู่ในระดับต่ำ

การลงทุนภาคเอกชน ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.2 หลังจากที่ชะลอลงต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2556 ตามภาคการก่อสร้างที่ลดลง สะท้อนจากพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลลดลงต่อเนื่อง ตามการลดลงของการก่อสร้างเพื่อการพาณิชย์และเพื่อการบริการ ขณะที่การก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัยยังทรงตัว สอดคล้องกับการค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและทุนจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่ โดยเฉพาะในหมวดการก่อสร้างที่ลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน สำหรับความสนใจลงทุนของนักลงทุนในระยะต่อไปมีแนวโน้มชะลอลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ สะท้อนจากเงินลงทุนที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ลดลง ตามการลดลงของ หมวดบริการและสาธารณูปโภคเป็นสำคัญ

สำหรับการใช้จ่ายของภาครัฐลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.8 และลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน โดยรายจ่ายงบประจำลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.5 เนื่องจากการเบิกจ่ายค่าจ้างและเงินเดือนลดลงจากผลของฐานสูงที่มีการตกเบิกการจ่ายค่าวิทยฐานะครูในช่วงเดียวกันปีก่อน และรายจ่ายงบลงทุนลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 32.0 จากหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้างเป็นสำคัญ

ภาคเกษตรกรรม ดัชนีมูลค่าผลผลิตพืชสำคัญเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.2 ตามผลผลิตพืชผลเป็นสำคัญ ส่งผลให้กำลังซื้อปรับตัวดีขึ้นบ้างจากที่หดตัวต่อเนื่องมา 2 ไตรมาส โดยดัชนีผลผลิตพืชสำคัญเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.9 เนื่องจากผลผลิตข้าวและอ้อยโรงงานเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยและปริมาณน้ำฝนเพียงพอ ขณะที่ดัชนีราคาพืชสำคัญลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.4 ตามการลดลงของราคาพืชสำคัญทั้งราคาข้าวหอมมะลิที่ลดลง เนื่องจากผลผลิตเพิ่มขึ้นกอปรกับผู้ประกอบการชะลอซื้อจากภาวะตลาดที่ชะลอตัว ราคามันสำปะหลังลดลง เนื่องจากผลผลิตเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย อีกทั้งผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบทดแทนมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นราคายางพาราลดลงตามราคาในตลาดโลก และสต็อกยางของประเทศคู่ค้าหลักยังอยู่ในระดับสูง และราคาอ้อยโรงงานลดลงตามราคาตลาดโลก เนื่องจากปริมาณน้ำตาลส่วนเกินมีมาก

สำหรับการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.8 และลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 เป็นผลจากการผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ลดลง เนื่องจากโรงงานผลิตบางแห่งยังมีสต็อกอยู่ในระดับสูง ส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากยอดขายที่ลดลง ตามการปรับขึ้นราคาขายจากโครงสร้างภาษีใหม่ สำหรับการผลิตในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ชะลอลงตามความต้องการในตลาดต่างประเทศเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี การผลิตในอุตสาหกรรมน้ำตาลยังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีตามความต้องการใช้น้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มภายในประเทศที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง ส่วนภาคบริการ อัตราการเข้าพักโรงแรมอยู่ที่ร้อยละ 46.8 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตราการเข้าพักโรงแรมอยู่ที่ร้อยละ 47.2

ภาคการเงิน ธนาคารพาณิชย์ มีเงินฝากคงค้าง 614.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.3 และขยายตัวจากไตรมาสก่อน จากเงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์เป็นสำคัญ ด้านสินเชื่อคงค้าง 777.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 19.5 แต่ชะลอลงจากไตรมาสก่อน โดยเงินให้สินเชื่อชะลอลงทั้งสินเชื่อที่ให้แก่ภาคครัวเรือน โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อที่ให้แก่ ภาคธุรกิจที่เริ่มชะลอลงจากสินเชื่อเพื่อการค้าปลีกค้าส่งและสินเชื่อเพื่อการผลิตที่ชะลอลงเล็กน้อย สำหรับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ มีเงินฝากคงค้าง 347.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.2 แต่ชะลอลงจากไตรมาสก่อน และสินเชื่อคงค้าง 950.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ7.4 แต่ชะลอลงจากไตรมาสก่อน ตามการชะลอลงของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเป็นสำคัญ

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 2.43 ชะลอลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย จากราคาผักสด และน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 1.33 เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อน จากราคาอาหารสำเร็จรูปบริโภคในและนอกบ้าน และราคาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สำหรับอัตราการว่างงาน ยังอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.6

ธนาคารแห่งประเทศไทย

สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ข้อมูลเพิ่มเติม : ส่วนเศรษฐกิจภาค

โทร: 0 4333 3000 ต่อ 3410

E-mail: [email protected]

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ