ในไตรมาส 3 นี้ เศรษฐกิจภาคใต้โดยรวมขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาสก่อนทั้ง เครื่องชี้ภาคการผลิตและการใช้จ่าย ทางด้านการผลิต รายได้จากการขายพืชผลที่สำคัญขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง จากไตรมาสก่อน ส่วนภาคอุตสาหกรรมขยายตัว ขณะเดียวกันการท่องเที่ยวแม้จะชะลอลงบ้างก็ตามแต่ก็ยัง ขยายตัวในเกณฑ์ดี ทางด้านการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนและการส่งออกขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาส ก่อน ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากแรงกดดันต่อการตัดสินใจลงทุนเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น อาทิ ราคาน้ำมันที่เริ่มปรับลดลง อัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัว สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในไตรมาสนี้อยู่ที่ร้อยละ 4.4
รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจและการเงิน มีดังนี้
ภาคเกษตรกรรม
รายได้ของเกษตรกรจากการจำหน่ายพืชผลหลักเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 18.3 ชะลอตัวค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่เร่งตัวขึ้นร้อยละ 78.9 เป็นผลจากระดับราคา ส่วนไตรมาสนี้ผลผลิตพืชผลหลักเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.3 ชะลอลงจากร้อยละ 8.7 ในไตรมาสก่อนของผลผลิตปาล์มน้ำมันเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันราคาพืชผล หลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 ชะลอลงจากไตรมาสก่อนซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 63.3 เป็นผลจากราคายางพาราปรับลดลง ค่อนข้างมากในช่วงปลายไตรมาส ทางด้านประมงทะเลซบเซาต่อเนื่องจากผลกระทบราคาน้ำมัน ทำให้จำนวนเรือ ที่ออกทำประมงน้อยลง รวมทั้งการทำประมงในน่านนำประเทศเพื่อนบ้านที่มีมาตรการเข้มงวด โดยปริมาณสัตว์น้ำ นำขึ้นที่ท่าเทียบเรือในภาคใต้ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.8 ส่วนมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 สำหรับ ผลผลิตกุ้งมีปริมาณใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่ราคาปรับลดลงในทุก ๆ ขนาด
ภาคอุตสาหกรรม
ภาวะอุตสาหกรรมโดยรวมของภาคใต้ขยายตัว ในอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาสสอง โดยผลผลิต น้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.1 ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมยางพารา ไม้ยางพาราและเฟอร์นิเจอร์ และอาหารบรรจุ กระป๋อง การผลิตเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดต่างประเทศ โดยปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 1.9 และ 37.3 ตามลำดับ ส่วนปริมาณการส่งออกถุงมือยาง และสัตว์น้ำแปรรูปและแช่แข็ง ลดลงร้อยละ 14.7 และ 1.3 ตามลำดับ เนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ
การท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวภาคใต้ขยายตัวดี มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ในภาคใต้ 659,383 คน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 33.0 เป็นผลจากความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชนในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ และการประชาสัมพันธ์เพื่อทำตลาดการท่องเที่ยวในต่างประเทศ รวมทั้ง การเพิ่มเที่ยวบินของสายการบินทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ในช่วงกรีนซีชั่นมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น แม้ว่าการเกิดเหตุการณ์ไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เหตุระเบิดในอำเภอหาดใหญ่ และการปฏิรูปการปกครอง จะทำให้นักท่องเที่ยวบางกลุ่มยกเลิกการเดินทางทันที และบางกลุ่มเลื่อนการเดินทางออกไปบางส่วนก็ตาม
การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน
จากการที่ราคายางชะลอตัวลงและอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราการขยายตัวของเครื่องชี้ การอุปโภคบริโภคที่สำคัญชะลอตัวจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัวร้อยละ 20.5 ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 การจดทะเบียนรถยนต์ส่วนบุคคล และการจดทะเบียน รถจักรยานยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 และ 12.2 ตามลำดับ
การลงทุนภาคเอกชน
การลงทุนในไตรมาส 3 ปรับตัวดีขึ้น เครื่องชี้ทางด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น โดยพื้นที่ที่ได้รับ อนุญาตก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ซึ่งมีพื้นที่ก่อสร้างลดลงร้อยละ 3.6 เป็นผลจากการ ฟื้นตัวของการท่องเที่ยวทางฝั่งอันดามัน และราคายางที่อยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกันการจดทะเบียนธุรกิจนิติบุคคล มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9 แต่จำนวนรายลดลงร้อยละ 16.8 ส่วนโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน มี 11 โครงการ เงินลงทุน 3,413.0 ล้านบาท ลดลงจาก ไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 26.7 และ 23.6 ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในพื้นที่จังหวัดสงขลา
การจ้างงาน
ผู้ประกอบการแจ้งความต้องการแรงงานผ่านสำนักงานจัดหางานจังหวัดในภาคใต้ทั้งสิ้น 10,992 อัตรา ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 38.4 ขณะที่ผู้สมัครงานมีทั้งสิ้น 10,090 คน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 2.9 ส่วนการบรรจุงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.1
ระดับราคา
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปภาคใต้อยู่ที่ร้อยละ 4.4 ชะลอลงจากร้อยละ 6.0 ในไตรมาสก่อน เป็นการ เพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม และหมวดอื่น ๆ ที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มร้อยละ 5.9 และ 3.4 ตามลำดับ ทั้งนี้ เป็นผลจากแรงกดดันที่ลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค พื้นฐานของภาคใต้ลดลงจากร้อยละ 2.7 ในไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ร้อยละ 2.6
การค้าต่างประเทศ
การส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคใต้มีมูลค่า 2,890.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 38.7 เป็นผลจากการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ ยกเว้นแร่ดีบุก สำหรับ สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คือ ยางพารา ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 990.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 30.7 ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเครื่องจักรและอุปกรณ์ และสัตว์น้ำ แช่แข็ง
ภาคการคลัง
ส่วนราชการต่าง ๆ ในภาคใต้มีการเบิกจ่าย เงินงบประมาณทั้งสิ้น 28,676.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.8 จากการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้นของคลังจังหวัดนครศรีธรรมราช (รวมคลังจังหวัด อำเภอ ทุ่งสง และ อำเภอปากพนัง) และคลังจังหวัดสงขลา ร้อยละ 28.7 และ 11.4 ตามลำดับ ส่วนรายได้จากการจัดเก็บ ภาษีมีจำนวน 6,932.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 14.1 ตามการเพิ่มขึ้นของการจัดเก็บภาษีสรรพากรและภาษีสรรพสามิตร้อยละ 14.6 และ 20.0 ตามลำดับ ขณะที่ภาษีศุลกากรจัดเก็บได้ ลดลงจากไตรมาส เดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.9
ภาคการเงิน
ณ สิ้นไตรมาส 3 เงินฝากคงค้างของสาขาธนาคารพาณิชย์ คาดว่ามีจำนวนรวมประมาณ 370,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.7 ส่วนสินเชื่อคงค้างมีจำนวนประมาณ 286,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.9 เป็นการเพิ่มในอัตราที่ชะลอลง เนื่องจากเหตุการณ์ระเบิดในอำเภอ หาดใหญ่ในย่านธุรกิจและการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ส่งผลให้ผู้ประกอบการรอดูทิศทางเพื่อ ลงทุนในการประกอบธุรกิจ ทำให้ความต้องการสินเชื่อชะลอลง
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจและการเงิน มีดังนี้
ภาคเกษตรกรรม
รายได้ของเกษตรกรจากการจำหน่ายพืชผลหลักเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 18.3 ชะลอตัวค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่เร่งตัวขึ้นร้อยละ 78.9 เป็นผลจากระดับราคา ส่วนไตรมาสนี้ผลผลิตพืชผลหลักเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.3 ชะลอลงจากร้อยละ 8.7 ในไตรมาสก่อนของผลผลิตปาล์มน้ำมันเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันราคาพืชผล หลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 ชะลอลงจากไตรมาสก่อนซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 63.3 เป็นผลจากราคายางพาราปรับลดลง ค่อนข้างมากในช่วงปลายไตรมาส ทางด้านประมงทะเลซบเซาต่อเนื่องจากผลกระทบราคาน้ำมัน ทำให้จำนวนเรือ ที่ออกทำประมงน้อยลง รวมทั้งการทำประมงในน่านนำประเทศเพื่อนบ้านที่มีมาตรการเข้มงวด โดยปริมาณสัตว์น้ำ นำขึ้นที่ท่าเทียบเรือในภาคใต้ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.8 ส่วนมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 สำหรับ ผลผลิตกุ้งมีปริมาณใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่ราคาปรับลดลงในทุก ๆ ขนาด
ภาคอุตสาหกรรม
ภาวะอุตสาหกรรมโดยรวมของภาคใต้ขยายตัว ในอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาสสอง โดยผลผลิต น้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.1 ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมยางพารา ไม้ยางพาราและเฟอร์นิเจอร์ และอาหารบรรจุ กระป๋อง การผลิตเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดต่างประเทศ โดยปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 1.9 และ 37.3 ตามลำดับ ส่วนปริมาณการส่งออกถุงมือยาง และสัตว์น้ำแปรรูปและแช่แข็ง ลดลงร้อยละ 14.7 และ 1.3 ตามลำดับ เนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ
การท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวภาคใต้ขยายตัวดี มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ในภาคใต้ 659,383 คน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 33.0 เป็นผลจากความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชนในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ และการประชาสัมพันธ์เพื่อทำตลาดการท่องเที่ยวในต่างประเทศ รวมทั้ง การเพิ่มเที่ยวบินของสายการบินทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ในช่วงกรีนซีชั่นมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น แม้ว่าการเกิดเหตุการณ์ไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เหตุระเบิดในอำเภอหาดใหญ่ และการปฏิรูปการปกครอง จะทำให้นักท่องเที่ยวบางกลุ่มยกเลิกการเดินทางทันที และบางกลุ่มเลื่อนการเดินทางออกไปบางส่วนก็ตาม
การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน
จากการที่ราคายางชะลอตัวลงและอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราการขยายตัวของเครื่องชี้ การอุปโภคบริโภคที่สำคัญชะลอตัวจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัวร้อยละ 20.5 ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 การจดทะเบียนรถยนต์ส่วนบุคคล และการจดทะเบียน รถจักรยานยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 และ 12.2 ตามลำดับ
การลงทุนภาคเอกชน
การลงทุนในไตรมาส 3 ปรับตัวดีขึ้น เครื่องชี้ทางด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น โดยพื้นที่ที่ได้รับ อนุญาตก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ซึ่งมีพื้นที่ก่อสร้างลดลงร้อยละ 3.6 เป็นผลจากการ ฟื้นตัวของการท่องเที่ยวทางฝั่งอันดามัน และราคายางที่อยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกันการจดทะเบียนธุรกิจนิติบุคคล มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9 แต่จำนวนรายลดลงร้อยละ 16.8 ส่วนโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน มี 11 โครงการ เงินลงทุน 3,413.0 ล้านบาท ลดลงจาก ไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 26.7 และ 23.6 ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในพื้นที่จังหวัดสงขลา
การจ้างงาน
ผู้ประกอบการแจ้งความต้องการแรงงานผ่านสำนักงานจัดหางานจังหวัดในภาคใต้ทั้งสิ้น 10,992 อัตรา ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 38.4 ขณะที่ผู้สมัครงานมีทั้งสิ้น 10,090 คน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 2.9 ส่วนการบรรจุงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.1
ระดับราคา
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปภาคใต้อยู่ที่ร้อยละ 4.4 ชะลอลงจากร้อยละ 6.0 ในไตรมาสก่อน เป็นการ เพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม และหมวดอื่น ๆ ที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มร้อยละ 5.9 และ 3.4 ตามลำดับ ทั้งนี้ เป็นผลจากแรงกดดันที่ลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค พื้นฐานของภาคใต้ลดลงจากร้อยละ 2.7 ในไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ร้อยละ 2.6
การค้าต่างประเทศ
การส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคใต้มีมูลค่า 2,890.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 38.7 เป็นผลจากการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ ยกเว้นแร่ดีบุก สำหรับ สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คือ ยางพารา ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 990.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 30.7 ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเครื่องจักรและอุปกรณ์ และสัตว์น้ำ แช่แข็ง
ภาคการคลัง
ส่วนราชการต่าง ๆ ในภาคใต้มีการเบิกจ่าย เงินงบประมาณทั้งสิ้น 28,676.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.8 จากการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้นของคลังจังหวัดนครศรีธรรมราช (รวมคลังจังหวัด อำเภอ ทุ่งสง และ อำเภอปากพนัง) และคลังจังหวัดสงขลา ร้อยละ 28.7 และ 11.4 ตามลำดับ ส่วนรายได้จากการจัดเก็บ ภาษีมีจำนวน 6,932.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 14.1 ตามการเพิ่มขึ้นของการจัดเก็บภาษีสรรพากรและภาษีสรรพสามิตร้อยละ 14.6 และ 20.0 ตามลำดับ ขณะที่ภาษีศุลกากรจัดเก็บได้ ลดลงจากไตรมาส เดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.9
ภาคการเงิน
ณ สิ้นไตรมาส 3 เงินฝากคงค้างของสาขาธนาคารพาณิชย์ คาดว่ามีจำนวนรวมประมาณ 370,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.7 ส่วนสินเชื่อคงค้างมีจำนวนประมาณ 286,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.9 เป็นการเพิ่มในอัตราที่ชะลอลง เนื่องจากเหตุการณ์ระเบิดในอำเภอ หาดใหญ่ในย่านธุรกิจและการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ส่งผลให้ผู้ประกอบการรอดูทิศทางเพื่อ ลงทุนในการประกอบธุรกิจ ทำให้ความต้องการสินเชื่อชะลอลง
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--