ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้จัดโครงการ ธปท. พบภาคธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2550 และ จัดอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจด้านการดำเนินนโยบาย ด้านเศรษฐกิจการเงินของ ธปท. ด้านภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มในระยะต่อไป รวมทั้งสนับสนุน ให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกัน ธปท. อย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ (4 มิถุนายน 2551) ผู้ว่าการและผู้บริหาร ธปท.ได้เชิญผู้บริหารภาคธุรกิจจากหอการค้าและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมผู้นำเข้าและส่งออกระดับบัตรทอง และสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว มาร่วมพบปะหารือตามโครงการ ธปท. พบภาคธุรกิจประจำปี 2551 สรุปประเด็น การหารือ ดังนี้
1. ขณะนี้อัตราแลกเปลี่ยนมีเสถียรภาพมากขึ้น และการที่อัตราแลกเปลี่ยนมีการเคลื่อนไหว อย่างสมดุลและคล่องตัวมากขึ้นนี้ช่วยให้ภาคเศรษฐกิจปรับตัวได้ดีขึ้น อีกทั้งการผ่อนคลายมาตรการเกี่ยวกับการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนและการเคลื่อนย้ายเงินทุนขาออกเป็นทิศทางที่ถูกต้อง แต่ควรระมัดระวังดูแลไม่เปิดช่องให้เกิดการเก็งกำไรในอัตราแลกเปลี่ยน โดย ธปท.ได้มีระบบการติดตาม ข้อมูลที่รวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ดี การติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดของ ธปท.เป็นเรื่องที่สำคัญ
2. การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ควรเน้นการแก้ไขที่เป็นระบบและพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว โดยเฉพาะการปรับตัวต่อราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงมาตรการประหยัดการใช้พลังงานและสร้างพลังงานทดแทนอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ สิ่งสำคัญ คือ ควรมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดในการกำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์เชิงโครงสร้างเศรษฐกิจระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
3. ที่ประชุมมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งกระทบต่อต้นทุนการผลิตให้สูงขึ้นซึ่งจะส่งผลด้านราคาของภาคการส่งออก อีกทั้งการที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงไม่เอื้อต่อการออมของประเทศ อาจทำให้มีการหันไปลงทุนในสินทรัพย์บางประเภทเพิ่มขึ้นจนเกิดปัญหาราคาสินทรัพย์ดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น จึงควรติดตามและระมัดระวังมิให้เกิดผลทางจิตวิทยาด้านการคาดการณ์ทิศทางการปรับสูงขึ้นของอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง
2
4. นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หยิบยกประเด็นความไม่สะดวกเกี่ยวกับการชำระเงินของการค้า บริเวณชายแดน รวมทั้ง ธปท. ได้แจ้งให้ทราบถึงการปรับบทบาทในการให้สินเชื่อแก่บางภาคเศรษฐกิจของ ธปท. เพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจของธนาคารกลางโดย ธปท. จะยังคงให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเดิมซึ่งได้รับอนุมัติจัดสรรวงเงินสินเชื่อไปแล้วจนครบระยะเวลาและเงื่อนไขของการให้สินเชื่อแต่ละราย
ธปท. ตระหนักดีว่า ในการดำเนินนโยบายเพื่อดูแลเสถียรภาพทางการเงินให้ราบรื่นและประสบผลสำเร็จภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบันนี้ จำเป็นต้องสร้างความเข้าใจ รวมทั้งได้รับความร่วมมือและแรงสนับสนุนจากภาคเอกชนซึ่งเป็นกำลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่สำคัญ เพื่อความมั่นคงและยั่งยืนของเศรษฐกิจไทยสืบต่อไป