ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวลงจากไตรมาสที่ 2
รายได้เกษตรกรชะลอตัวลงจากไตรมาสที่ 2 เนื่องจากราคาพืชผลส่วนใหญ่ชะลอตัวลง การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง เป็นผลจากอุตสาหกรรมแป้งมัน อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ลดลง แต่อุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และ ไม่มีแอลกอฮอล์ และอุตสาหกรรมน้ำตาลผลิตได้เพิ่มขึ้น ภาคบริการชะลอตัวลง
การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนชะลอตัว การลงทุนภาคเอกชนลดลง การค้าชายแดนไทย - ลาวชะลอตัวลงเล็กน้อย สำหรับการค้าชายแดนไทย - กัมพูชา ชะลอตัว เนื่องจากเหตุการณ์ไม่สงบตามแนวชายแดน รายได้ภาครัฐบาลจากภาษีอากรชะลอตัวลง ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณลดลงจากไตรมาสที่ 2
เงินฝากธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นผลจากการระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์เพื่อเสริมสภาพคล่องโดยใช้ อัตราดอกเบี้ยพิเศษจูงใจ ด้านสินเชื่อยังขยายตัวได้แก่ สินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อด้านอสังหาริมทรัพย์
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอตัวลง โดยในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 ขณะที่ไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8
รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจ มีดังนี้
1. ภาคเกษตรกรรม ผลผลิตข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ออกสู่ตลาดน้อย ด้านราคามีแนวโน้มชะลอตัวลง
ข้าว ราคาขายส่งข้าวเปลือกหอมมะลิเฉลี่ยไตรมาสนี้เกวียนละ 13,880 บาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 55.2 ชะลอตัวลงจากไตรมาสที่ 2 ราคาขายส่งข้าวเปลือกเหนียว 10% (เมล็ดยาว) เฉลี่ยไตรมาสนี้เกวียนละ 7,622 บาท ลดลงจากไตรมาส เดียวกันของปีก่อนร้อยละ 35.3 ตามความต้องการของตลาดต่างประเทศที่ชะลอลงเพราะผลผลิตที่เพิ่มขึ้นและการยกเลิกการห้ามส่งออก ของประเทศผู้ผลิตสำคัญ เช่น เวียดนาม และอินเดีย
มันสำปะหลัง ราคาขายส่งหัวมันสำปะหลังเฉลี่ยไตรมาสนี้กิโลกรัมละ 1.62 บาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 4.5 สำหรับราคาขายส่งมันเส้นเฉลี่ยไตรมาสนี้กิโลกรัมละ 4.95 บาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 26.0 ชะลอจากไตรมาสที่ 2 เนื่องจากภาวะฝนเป็นอุปสรรคในการเก็บเกี่ยว ลานมันส่วนใหญ่งดรับซื้อ ปริมาณเชื้อแป้งในมันสำปะหลังมีน้อย ส่งผลให้ราคาหัวมันสดลดลง และความต้องการของตลาดต่างประเทศที่ชะลอลง
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาขายส่งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เฉลี่ยไตรมาสนี้กิโลกรัมละ 8.42 บาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกัน ของปีก่อนร้อยละ 26.4 จากความต้องการของโรงงานอาหารสัตว์ที่มีอย่างต่อเนื่อง
2. ภาคอุตสาหกรรม การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
อุตสาหกรรมที่มีการผลิตลดลงได้แก่ อุตสาหกรรมแป้งมัน ซึ่งวัตถุดิบคือหัวมันสำปะหลังยังไม่เพียงพอต่อการผลิต อีกทั้งคำสั่งซื้อจากตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีนเริ่มชะลอลง อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์การส่งออกเริ่มชะลอตัว
กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการผลิตที่เพิ่มขึ้นได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เนื่องจากการบริโภคที่เพิ่มขึ้นทั้งตลาดในประเทศและตลาดประเทศเพื่อนบ้าน อุตสาหกรรมน้ำตาลแม้ในช่วงการปิดหีบ แต่มีการนำน้ำตาลดิบ มาแปรรูปเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
3. ภาคบริการ ชะลอตัวลง โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.0 เมื่อเทียบกับ ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน เกิดภาวะน้ำท่วมในหลายจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดที่อยู่ติดกับ แม่น้ำโขง เช่น จังหวัดมุกดาหาร หนองคาย อุบลราชธานี ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศส่งผลกระทบเชิงลบ ต่อธุรกิจการท่องเที่ยวทำให้การท่องเที่ยวชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนกรกฎาคมมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในภาคเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงเข้าพรรษาซึ่งมี วันหยุดต่อเนื่องหลายวันทำให้ในหลายพื้นที่มีการจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา เช่น จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิและอุบลราชธานี เป็นต้น สำหรับอัตราการเข้าพักโรงแรมอยู่ที่ร้อยละ 46.7 ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่มีอัตราการเข้าพักที่ร้อยละ 48.0
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ชะลอตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ส่งผลให้ประชาชนมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย
เครื่องชี้ที่ลดลง ได้แก่ ปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลมีจำนวน 19,003 คัน ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.4 เนื่องจากประชาชนส่วนหนึ่งระมัดระวังในการใช้จ่าย จึงชะลอการตัดสินใจซื้อรถใหม่
เครื่องชี้ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บได้ทั้งสิ้น 2,288.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 19.3 ขยายตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากยอดจำหน่ายห้างสรรพสินค้าและธุรกิจค้าส่ง - ค้าปลีก เพิ่มขึ้น
การจดทะเบียนรถจักรยานยนต์มีจำนวน 108,232 คัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 16.2 ขยายตัว จากไตรมาสที่ 2 เป็นผลจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้รถจักรยานยนต์มากขึ้น
สำหรับปริมาณการใช้ไฟฟ้าในภาคที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.0 ขยายตัวจากไตรมาสที่ 2
5. การลงทุนภาคเอกชน ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและจากไตรมาสที่ 2 ตามภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน ส่งผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุน
โดยโครงการที่ได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนมีเงินลงทุน 1,454.0 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 93.1 เนื่องจากในเดือนกันยายน 2550 มีโครงการผลิต Hard Disk Drive ขนาดใหญ่ ของบริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ที่จังหวัดนครราชสีมา ใช้เงินลงทุนถึง 18,702 ล้านบาท โครงการในไตรมาสนี้ที่สำคัญ ได้แก่ โครงการผลิตชุดเคลือบผิว โครงการ ผลิตผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมในครัวเรือน โครงการกิจการศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศ และโครงการผลิตระบบเบรค เป็นต้น
พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนคร 415,802.1 ตารางเมตร ลดลงร้อยละ 5.6 จากไตรมาส เดียวกันของปีก่อน เป็นการลดลงจากการก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัยเป็นสำคัญ การจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่มีทุนจดทะเบียน 1,223.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 35.3 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในเดือนกรกฎาคม 2550 มีธุรกิจผลิตเอทานอลซึ่งใช้เงินลงทุนสูงถึง 600.0 ล้านบาท ที่จังหวัดอุบลราชธานี
ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.5 ขยายตัวจาก ไตรมาสที่ 2
6. ภาคการคลัง รายได้ของภาคระฐบาล จัดเก็บได้รวมทั้งสิ้น 9,166.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของ ปีก่อนร้อยละ 13.1 จำแนกเป็นภาษีสรรพากรรวม 5,461.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 เป็นการเพิ่มขึ้นของภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีเงินได้ นิติบุคคล ตามผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นของภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจบางแห่ง อาทิ ธุรกิจผลิตสุราและเบียร์ ธุรกิจผลิตชิ้นส่วน วิทยุโทรทัศน์ ธุรกิจขายส่งขนาดใหญ่ และธุรกิจลิสซิ่ง ในขณะที่ภาษีธุรกิจเฉพาะลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2 ตามมาตรการปรับลด อัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าหรือกำไร ส่งผลให้ภาษีจากที่ดินจัดเก็บลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกัน ของปีก่อน
ภาษีสรรพสามิตจัดเก็บได้ 3,637.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.6 เป็นผลจากภาษีสุราซึ่งเพิ่มขึ้นจากเบียร์เป็นสำคัญ เนื่องจากในระยะเดียวกันของปีก่อนโรงงานเบียร์มีการหยุดการผลิตบางช่วงเพื่อปรับปรุงเครื่องจักร ประกอบกับมีสินค้าคงเหลือ ปริมาณมาก ทำให้ฐานปีก่อนต่ำ
สำหรับอากรขาเข้าจัดเก็บได้รวม 67.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.0 ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปจาก ด่านศุลกากรนครพนมและพิบูลมังสาหาร ในขณะที่ด่านศุลกากรมุกดาหารจัดเก็บอากรขาเข้าลดลงครั้งแรกในรอบปี เนื่องจากใน ระยะเดียวกันของปีก่อนมีการนำเข้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากจีนเพิ่มขึ้น
7. การค้าต่างประเทศ
การค้าชายแดนไทย - ลาว ชะลอลงจากไตรมาสที่ 2 เล็กน้อย โดยมีมูลค่าการค้า 20,234.6 ล้านบาทเพิ่มขึ้น ร้อยละ 28.9 มีรายละเอียดดังนี้
การส่งออก มีมูลค่า 14,196.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นการ เพิ่มขึ้นของสินค้าทุกหมวด โดยเฉพาะหมวดน้ำมันปิโตรเลียม เชื้อเพลิงอื่น และสารหล่อลื่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 53.1 รองลงมาเป็นหมวด วัตถุดิบและกึ่งวัตถุดิบเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.9 จากการส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็ก ผ้าผืน เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก และเคมีภัณฑ์ หมวดสินค้าทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.5 จากการส่งออกวัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรและอุปกรณ์ หมวดสินค้าบริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.1 จากการส่งออกยานพาหนะและอุปกรณ์ สินค้าบริโภค และเครื่องดื่มประเภทบำรุงกำลัง ส่วนสินค้าส่งออกที่ลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ตัดเย็บ
การนำเข้า มีมูลค่า 6,038.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่จาก การนำเข้าสินแร่ทองแดง ยานพาหนะอุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรและอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์เกษตร ส่วนไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ นำเข้าลดลง
การค้าชายแดนไทย - กัมพูชา ชะลอลงจากไตรมาสที่ 2 มีมูลค่าการค้า 13,112.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 45.5 มีรายละเอียดดังนี้
การส่งออก มีมูลค่า 12,076.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 43.2 ชะลอตัว ลงจากไตรมาสที่ 2 เนื่องจากมูลค่าการส่งออกน้ำตาลลดลง ประกอบกับทางกัมพูชาอยู่ในช่วงการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ผู้ประกอบการจึงชะลอคำสั่งซื้อ โดยสินค้าส่งออกสำคัญที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ยานพาหนะและส่วนประกอบ วัสดุก่อสร้าง น้ำมันปิโตรเลียมและ เชื้อเพลิง สัตว์มีชีวิต
การนำเข้า มีมูลค่า 1,036.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 79.0 ชะลอตัวลง จากไตรมาสที่ 2 เนื่องจากเกิดการแข่งขันในด้านราคารับซื้อพืชไร่ โดยผู้ประกอบการเวียดนามรับซื้อพืชไร่ในราคาที่สูงกว่าไทย การสั่งซื้อจากไทยจึงลดลง อย่างไรก็ตาม สินค้านำเข้าสำคัญในไตรมาสนี้ ส่วนใหญ่ยังเป็นการนำเข้าพืชไร่ (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พริกแห้ง มันสำปะหลัง งาดำ พริก) และวัสดุใช้แล้ว (เหล็ก อลูมิเนียม กระดาษ ทองแดง)
8. ระดับราคา อัตราเงินเฟ้อทั่วไปไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.5 เนื่องจากราคาสินค้า ในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.2 และหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1
หมวดอาหารแลัเครื่องดื่ม สินค้าที่มีราคาเพิ่มขึ้นมากได้แก่ หมวดผักและผลไม้ ร้อยละ 20.9 เนื่องจากผลกระทบ ที่เกิดภาวะน้ำท่วม และเป็นช่วงปลายฤดูกาล ซึ่งผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าหมวด ข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์ จากแป้งร้อยละ 18.5 เครื่องประกอบอาหารร้อยละ 16.1 เนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำร้อยละ 14.7
สำหรับหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารแลัเครื่องดื่ม สินค้าที่มีราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงร้อยละ 33.3 ค่าเรียน พิเศษร้อยละ 7.9 และผลิตภัณฑ์ยาสูบร้อยละ 5.1 ยกเว้นหมวดเคหสถานที่ลดลงร้อยละ 8.9 จากมาตรการ 6 เดือน 6 มาตรการ ฝ่าวิกฤติเพื่อ คนไทยทุกคน ของรัฐบาล ทำให้ค่าน้ำประปาลดลงร้อยละ 48 และไฟฟ้าลดลงร้อยละ 30.4
สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.8 เร่งตัวขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2
9. ภาคการจ้างงาน ด้านภาวะการจ้างงาน มีตำแหน่งงานว่าง 10,309 อัตรา ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 21.4 โดยมีผู้สมัครงาน 24,654 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.7 และมีผู้ที่ได้รับการบรรจุเข้าทำงาน 13,023 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 79.4 จากไตรมาส เดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่ทำงานในอาชีพผู้ปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตและงานพื้นฐานต่าง ๆ เช่น ผู้ช่วยงานบ้าน พนักงานทำความสะอาด เป็นต้น
สำหรับคนไทยในภาคที่เดินทางไปทำงานยังต่างประเทศจำนวน 26,981 คน ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 1.0 ส่วนใหญ่ไปทำงานยังประเทศไต้หวัน สวีเดน เกาหลีใต้ กาตาร์ และอิสราเอล
10. ภาคการเงิน ณ ไตรมาสที่ 3 เงินฝากขยายตะวเมื่อเทียบกะบไตรมาสเดียวกะนของปีก่อน แต่ลดลงเมื่อเทียบกะบไตรมาสที่ 2 เนื่องจากส่วนราชการมีการถอนเงินไปใช้ตามงบประมาณในเงินฝากกระแสรายวันและเงินฝากออมทรัพย์ ในขณะที่เงินฝากประจำ เพิ่มขึ้น เป็นผลจากการระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์เพื่อเสริมสภาพคล่อง โดยใช้กลยุทธ์ด้านอัตราดอกเบี้ยเงินฝากพิเศษเพื่อจูงใจ ผู้ฝากเงิน
ด้านสินเชื่อขยายตัวเมื่อเทียบกะบไตรมาสเดียวกะนของปีก่อนแลัไตรมาสที่ 2 โดยเฉพาะสินเชื่ออุปโภคบริโภค ส่วนบุคคลของลูกค้ารายย่อย สำหรับสินเชื่อของภาคธุรกิจยังคงเพิ่มขึ้น ในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 เนื่องจากภาคธุรกิจ ระมัดระวังการใช้จ่าย และรอดูสถานการณ์ทางการตลาด ประกอบกับธนาคารพาณิชย์เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
สินเชื่อที่ขยายตัวได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ส่วนสินเชื่อที่มี แนวโน้มลดลง ได้แก่ สินเชื่อเพื่อการโรงแรมและภัตตาคาร และสินเชื่อตัวกลางทางการเงิน
ข้อมูลเพิ่มเติม : นางสิรีธร จารุธัญลักษณ์ โทร. 0-4333-3000 ต่อ 3432 e-mail: [email protected]