เศรษฐกิจและการเงินภาคเหนือเดือนเมษายน 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 2, 2009 17:19 —ธนาคารแห่งประเทศไทย

ภาวะเศรษฐกิจการเงินภาคเหนือ หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ทั้งด้านอุปสงค์และเดือนเมษายน 2552 อุปทาน แต่มีบางภาคเศรษฐกิจที่มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น โดยการผลิตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น การอุปโภคบริโภคทรงตัวจากเดือนก่อน และการลงทุนภาคเอกชนเริ่มกระเตื้องขึ้นทั้งการลงทุนด้านการก่อสร้างและเครื่องจักรใหม่ รายได้เกษตรกรหดตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่อยู่ในระดับสูง ภาคการท่องเที่ยวยังคงลดลงจากนักท่องเที่ยวที่ชะลอการเดินทาง การเบิกจ่ายเงินงบประมาณหดตัวตามการเบิกจ่ายงบลงทุนซึ่งได้เร่งเบิกจ่ายในช่วงก่อนหน้าแล้ว การส่งออก/นำเข้าลดลง สำหรับเงินเฟ้อติดลบเป็นครั้งแรกนับแต่เดือนมิถุนายน 2546 ขณะที่เงินฝากและสินเชื่อชะลอตัวจากเดือนก่อน

รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจ มีดังนี้

1. ภาคเกษตร รายได้เกษตรกรหดตัวร้อยละ 21.6 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่ขยายตัวสูงมากเกือบเท่าตัว โดยดัชนีราคาพืชผลหลักหดตัวร้อยละ 13.9 ผลจากราคาข้าวนาปรังที่ลดลงร้อยละ 28.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ปีก่อนที่ความต้องการข้าวเพื่อการส่งออกและราคาในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นมาก ประกอบกับราคามันสำปะหลัง ถั่วเขียว หอมแดง ลดลงร้อยละ 50.8 ร้อยละ 12.3 และร้อยละ 45.3 ตามลำดับ เนื่องจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ดี ราคาอ้อยโรงงานสูงขึ้นร้อยละ 7.0 ตามการปรับเพิ่มของราคาอ้อยขั้นต้น ทางด้านดัชนีผลผลิตพืชสำคัญหดตัวร้อยละ 8.9 จากผลผลิตข้าวนาปรังที่ลดลงร้อยละ 12.9 เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยเช่นปีก่อน ประกอบกับอ้อยโรงงานและกระเทียมที่ผลผลิตลดลงร้อยละ 1.2 และร้อยละ 16.4 ตามลำดับ โดยเกษตรกรส่วนหนึ่งปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชผักอื่นที่คาดว่าได้รับผลตอบแทนดีกว่า ส่วนมันสำปะหลังและถั่วเหลืองผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.6 และร้อยละ 1.3 ตามลำดับ เนื่องจากราคาปีก่อนจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก

2. ภาคอุตสาหกรรม ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน แต่เริ่มทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมภาคเหนือหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 37.8 ใกล้เคียงกับที่ลดลงร้อยละ 38.1 เดือนก่อน และเมื่อขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้ว ดัชนีฯ ลดลงร้อยละ 1.0 จากเดือนก่อน โดยการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์หดตัวร้อยละ 60.4 เป็นผลจากการหยุดสายการผลิตของอุตสาหกรรมผลิตส่วนประกอบ Hard Disk Drive เป็นสำคัญ อย่างไรก็ดีการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ประเภทอื่นปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนตามคำสั่งซื้อที่มีเพิ่มขึ้น อาทิ ไอซี ตัวเก็บประจุ และไดโอด ด้านการผลิตเครื่องดื่มลดลงตามการเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นสำคัญ ด้านการผลิตวัสดุก่อสร้างและเซรามิกประเภทเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารลดลง แต่ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ส่วนอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรขยายตัวร้อยละ 4.4 ตามการผลิตน้ำตาลที่ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน และการผลิตผักแปรรูปแช่แข็งที่ขยายตัวดี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากสินค้าประเทศคู่แข่งขันประสบปัญหาความเชื่อมั่นด้านคุณภาพ

3. ภาคบริการ ยังอยู่ในเกณฑ์ลดลง จากปัญหาความไม่สงบทางการเมือง การระมัดระวังการใช้จ่าย และการถดถอยของเศรษฐกิจโลก โดยเครื่องชี้ที่สำคัญได้แก่ การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทโรงแรมและภัตตาคารหดตัวร้อยละ 20.4 ลดลงมากในจังหวัดภาคเหนือตอนบน อาทิ จังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย ด้านจำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานหดตัวร้อยละ 16.1 ลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนในทุกท่าอากาศยานของภาคเหนือ อัตราการเข้าพักของโรงแรมในภาคเหนืออยู่ที่ระดับร้อยละ 39.4 ลดลงเมื่อเทียบกับร้อยละ 43.8 ระยะเดียวกันปีก่อน สำหรับราคาห้องพักโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน

4. การอุปโภคบริโภค ทรงตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน แม้ว่าภาษีที่จัดเก็บได้ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน ถึงร้อยละ 22.0 เร่งตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่หดตัวร้อยละ 2.5 โดยเพิ่มขึ้นในหมวดค้าส่งค้าปลีกและหมวดอุตสาหกรรมเป็นสำคัญร้อยละ 15.2 และร้อยละ 45.7 ตามลำดับ อย่างไรก็ตามภาษีมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มหมวดอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากการเร่งสะสมสต็อกสินค้าก่อนการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตของเบียร์ และสุรา สำหรับการบริโภคสินค้าคงทนยังอยู่ในเกณฑ์หดตัวสะท้อนจากปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ลดลงร้อยละ 19.3 และร้อยละ 9.0 ตามลำดับ ขณะที่ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนเดือนมีนาคม 2552 ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.4

5. การลงทุนภาคเอกชน ยังคงหดตัวแต่เริ่มมีสัญญาณการปรับตัวดีขึ้น โดยเครื่องชี้ที่สำคัญได้แก่ ปริมาณการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่ยังคงหดตัว แต่หดตัวน้อยลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 นับแต่ต้นปี ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนที่ดินหดตัวร้อยละ 53.3 ผลจากมาตรการลดอัตราภาษีเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามพื้นที่ก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตในเขตเทศบาลกลับมาขยายตัวอีกครั้งร้อยละ 7.3 ในประเภทเพื่อที่อยู่อาศัยของภาคเหนือตอนบนจากที่หดตัวร้อยละ 32.4 ในไตรมาสแรกของปี ด้านแนวโน้มการลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ซึ่งสะท้อนจากการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในภาคเหนือขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนเกือบ 3 เท่าตัว จำนวนเงินลงทุนทั้งสิ้น 2,324.4 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนด้านพลังงานทั้งการผลิตเอทานอลและการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล

6. การค้าต่างประเทศ การค้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือยังคงลดลง แต่ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน โดยการส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 26.5 เหลือ 164.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 35.0 เดือนก่อน โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 28.9 ในสินค้าสำคัญ เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อัญมณี และชิ้นส่วนเครื่องจักรกล และสินค้าเกษตรส่งออกลดลงร้อยละ 14.5 จากการหดตัวของการส่งออกยางแผ่นรมควัน และลำไยอบแห้ง สำหรับการส่งออกผ่านด่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.6 เป็น 78.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. เร่งตัวเมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.8 เดือนก่อน ตามการส่งออกไปพม่าและลาวที่ขยายตัวดีร้อยละ 19.7 และร้อยละ 44.2 ตามลำดับ ขณะที่การส่งออกไปจีนตอนใต้หดตัวร้อยละ 9.3 ต่อเนื่องจากเดือนก่อน

การนำเข้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือลดลงร้อยละ 67.6 เหลือ 62.1 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางที่ลดลงกว่าร้อยละ 57.2 ที่สำคัญได้แก่วัตถุดิบเพื่อผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อน อย่างไรก็ดีวัตถุดิบประเภทแก้วขยายตัวตามการผลิตของอุตสาหกรรมเลนส์กล้องถ่ายรูปที่ปรับตัวดีขึ้น สำหรับการนำเข้าสินค้าทุนลดลงอย่างต่อเนื่องนับแต่เดือนมิถุนายนปีก่อน ตามการหดตัวของชิ้นส่วนเครื่องจักรไฟฟ้าและเครื่องจักรกล ด้านการนำเข้าผ่านด่านชายแดนขยายตัวร้อยละ 22.0 เป็น 7.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการนำเข้าจากพม่าและลาวที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 และร้อยละ 21.2 ตามลำดับ ขณะที่การนำเข้าจากจีนตอนใต้หดตัวร้อยละ 5.7 ในสินค้าประเภท ผักสด และดอกไม้

ดุลการค้า ในเดือนเมษายน 2552 เกินดุล 102.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนและเดือนก่อนที่เกินดุล 32.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. และ 86.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามลำดับ

7. การเบิกจ่ายเงินงบประมาณผ่านคลังจังหวัดในภาคเหนือ มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้นจำนวน 13,824.1 ล้านบาท หดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 18.8 โดยงบลงทุนหดตัวร้อยละ 55.2 เหลือ 3,974.2 ล้านบาท เนื่องจากปีก่อนมีการเร่งเบิกจ่ายมากโดยลดลงมากในหมวดเงินอุดหนุนทั่วไป และเงินอุดหนุนเฉพาะกิจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ลดลงถึงร้อยละ 81.0 และร้อยละ 59.6 ตามลำดับ อย่างไรก็ตามการเบิกจ่ายในหมวดที่ดิน/สิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.3 ขณะที่งบรายจ่ายประจำมีจำนวน 9,849.9 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 20.9 เร่งตัวเมื่อเทียบกับที่ลดลงร้อยละ 2.3 เดือนก่อน

8. ระดับราคา ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของภาคเหนือติดลบเป็นครั้งแรกนับแต่เดือนมิถุนายน 2546 โดยลดลงร้อยละ 0.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ดัชนีในหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มลดลงร้อยละ 7.3 ตามการลดลงของหมวดเคหะสถาน และหมวดพาหนะการขนส่งและการสื่อสารร้อยละ 7.2 และร้อยละ 12.9 ตามลำดับ ขณะที่ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 ชะลอลงเมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 เดือนก่อน เนื่องจากราคาหมวดเนื้อสัตว์ หมวดผักและผลไม้ และหมวดเครื่องประกอบอาหาร ชะลอลงจากเดือนก่อนเป็นสำคัญ สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.0 ชะลอตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่เพิ่ม

9. การจ้างงาน จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ณ สิ้นเดือน มีนาคม 2552 ในภาคเหนือมีกำลังแรงงานรวม 7.1 ล้านคน เป็นผู้มีงานทำ 6.9 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.5 โดยการจ้างงานภาคเกษตรกรขยายตัวเล็กน้อย ร้อยละ 0.4 ขณะที่การจ้างงานนอกภาคเกษตรกรขยายตัวร้อยละ 11.6 ขยายตัวมากในสาขาการก่อสร้าง สาขาการผลิตและสาขาการค้าส่ง/ปลีก ที่ร้อยละ 24.5 ร้อยละ 17.7 และร้อยละ 11.8 ตามลำดับ ส่วนทางด้านผู้ว่างงานมีจำนวน 0.1 ล้านคน คิดเป็นอัตราการว่างงานเท่ากับร้อยละ 1.6 สูงกว่า ร้อยละ 1.2 ระยะเดียวกันปีก่อน สำหรับผู้ประกันในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 เพียงสิ้นเดือนเมษายน 2552 มีจำนวน 587,382 คน ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.0 โดยลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 นับตั้งแต่กันยายน อย่างไรก็ดี ด้านผู้ประกันตนตามมาตรา 39 มีจำนวน 84,134 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและระยเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.4 และ 40.6 ตามลำดับ

10. ภาคการเงิน ยอดคงค้างเงินฝากที่สาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2552 มียอดคงค้าง 381,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.7 ชะลอลงจากเดือนก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการถอดเงินฝากประเภทจ่ายคืนเมื่อสิ้นระยะเวลาของสถาบันการศึกษา และการถอนเงินไปลงทุนในตั๋วแลกเงินและกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า โดยลดลงมากในจังหวัดใหม่ นครสวรรค์ พิจิตร และพะเยา ส่วนเงินฝากประเภทออมทรัพย์ขยายตัวร้อยละ 13.3 ผลจากการเพิ่มขึ้นในเงินฝากของส่วนราชการ ด้านเงินให้สินเชื่อมียอดคงค้าง 301,323 ล้านบาท ล้านบาท ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.4 แต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 เดือนก่อน สินเชื่อขยายตัวดีในจังหวัดเชียงใหม่จากสินเชื่อประเภทค้าปลีก/ค้าส่ง ขณะที่จังหวัดกำแพงเพชร และเพชรบูรณ์ ขยายตัวดีในภาคการเกษตร ทั้งนี้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ร้อยละ 79.0 ลดลงจากร้อยละ 82.3 ระยะเดียวกันของปีก่อน

ข้อมูลเพิ่มเติม : คุณ นุกุล มุกลีมาศ

โทร. 0 5393 1142

E-mail : [email protected]

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ