ภาวะเศรษฐกิจการเงินภาคเหนือ หดตัวลงจากระยะเดียวกันปีก่อน จากการชะลอเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ตัวของเศรษฐกิจโลกส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ นักท่องเที่ยวชะลอการเดินทาง การลงทุนของภาคเอกชนและการส่งออก/นำเข้าลดลง ขณะที่รายได้ของเกษตรกรยังอยู่ในเกณฑ์ดีแต่ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งราคาพืชผลเพิ่มสูงมาก ประกอบกับความกังวลต่อปัญหาเศรษฐกิจ ส่งผลให้การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนลดลง อย่างไรก็ตาม การเบิกจ่ายเงินงบประมาณขยายตัวมากตามการเบิกจ่ายแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยเฉพาะงบลงทุน ส่วนเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระยะเดียวกันปีก่อนจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามการยกเลิกนโยบายของภาครัฐในส่วนของภาษีสรรพสามิต สำหรับเงินฝากขยายตัวต่อเนื่องขณะที่สินเชื่อชะลอตัว
รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจ มีดังนี้
1. ภาคเกษตรเกษตรกร รายได้ของเกษตรกรยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่หดตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่รายได้ของ ขยายตัวมากตามราคาพืชสำคัญในตลาดโลกจากความกังวลในเรื่องวิกฤตการอาหารโลก รายได้เกษตรกรในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 หดตัวร้อยละ 4.1 ตามการหดตัวของทั้งด้านราคาและผลผลิต โดยดัชนีผลผลิตพืชผลสำคัญหดตัวร้อยละ 1.0 จากอ้อยโรงงานและสับปะรดที่หดตัวร้อยละ 4.7 และร้อยละ 5.9 ตามพื้นที่เพาะปลูกโดยเฉพาะในแหล่งผลิตสำคัญในภาคเหนือตอนล่าง เนื่องจากเกษตรกรส่วนหนึ่งหันไปปลูกพืชอื่นที่คาดว่าได้รับผลตอบแทนดีกว่า อาทิ มันสำปะหลัง สำหรับข้าวนาปรังลดลงร้อยละ 12.9 เป็นผลจากปริมาณน้ำตามธรรมชาติไม่เอื้ออำนวยและได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดใน ช่วงปลายปี 2551 และต้นปี 2552 อย่างไรก็ดี ผลผลิตมันสำปะหลังและหอมแดงเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.3 และร้อยละ 7.6 ตามลำดับ เนื่องจากราคาของปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดีจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก ทางด้านดัชนีราคาพืชผลหลักหดตัวร้อยละ 3.1 จากราคามันสำปะหลังและสับปะรดที่หดตัวร้อยละ 49.9 และร้อยละ 20.2 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการส่งออกชะลอลง ขณะที่ราคาข้าวโพดลดลงร้อยละ 17.1 ส่วนราคาอ้อยโรงงานและข้าวเปลือกเจ้านาปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 และร้อยละ 38.1 ตามลำดับ เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ
2. ภาคอุตสาหกรรม การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมภาคเหนือหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 38.5 ลดลงเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามการผลิตหมวดอิเล็กทรอนิกส์ที่หดตัวร้อยละ 58.0 จากผลวิกฤตเศรษฐกิจโลกทำให้คำสั่งซื้อลดลงในทุกผลิตภัณฑ์ของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ส่วนประกอบ Hard Disk Drive ทรานส์ฟอร์มเมอร์และมอเตอร์ และชิ้นส่วนไอซี เป็นต้น อีกทั้งยังส่งผลถึงอุตสาหกรรมเจียระไนอัญมณีและเซรามิก ประเภทเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่หดตัวต่อเนื่องจากปลายปีก่อน ด้านอุตสาหกรรมอาหารลดลงร้อยละ 11.8 เนื่องจากผลของฐานสูงในปีก่อนจากการผลิตพืชผักถนอมอาหารเพื่อส่งออกเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี การผลิตลำไยอบแห้งและน้ำตาลมีปริมาณเพิ่มขึ้น การผลิตเครื่องดื่มหดตัวแต่ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน ตามปริมาณการผลิตเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ส่วนอุตสาหกรรมผลิตวัสดุก่อสร้างยังคงลดลง แต่ปรับตัวดีขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
3. ภาคบริการ อยู่ในทิศทางหดตัว ตามการระมัดระวังการใช้จ่ายและความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเครื่องชี้ที่สำคัญได้แก่ การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทโรงแรมและภัตตาคารลดลงร้อยละ 8.8 เนื่องจากยอดจัดเก็บในจังหวัดใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ ลดลงร้อยละ 14.7 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 อย่างไรก็ดี ยอดจัดเก็บในบางจังหวัดเริ่มปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากความตื่นตัวในแหล่งท่องเที่ยวตามกระแสความนิยมด้านจำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานหดตัว ร้อยละ 21.4 ต่อเนื่องจากเดือนก่อนโดยลดลงในทุกท่าอากาศยานของภาคเหนือ และอัตราการเข้าพักของโรงแรมในภาคเหนือลดลงอยู่ที่ร้อยละ 66.4 สำหรับราคาห้องพักโดยเฉลี่ยหดตัวร้อยละ 0.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน
4. การอุปโภคบริโภค หดตัวเนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคอ่อนตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจและความกังวล ของผู้บริโภคเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ เครื่องชี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยอดภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากธุรกิจทุกประเภทลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.8 สะท้อนการอ่อนตัวของการอุปโภคบริโภคโดยรวม โดยการ ใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าคงทน เช่น ยานยนต์ ลดลงชัดเจน สอดคล้องกับปริมาณจดทะเบียนของรถยนต์และรถจักรยานยนต์หดตัว ร้อยละ 16.2 และร้อยละ 15.6 ตามลำดับ
5. การลงทุนภาคเอกชน หดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน แต่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน อย่างไรก็ดี เครื่องชี้การลงทุนบางตัวมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างซึ่งยังคงลดลงแต่ลดน้อยลง เมื่อเทียบกับเดือนก่อน เป็นผลจากการก่อสร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัยเองเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในแหล่งเพาะปลูก สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนที่ดินลดลงร้อยละ 52.9 จากผลของมาตรการภาครัฐ แม้จะหดตัวมากขึ้นแต่ด้านจำนวนรายของการทำธุรกรรมยังคงขยายตัวที่ร้อยละ 2.4 ส่วนพื้นที่ก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตในเขตเทศบาลลดลงร้อยละ 36.4 ตามประเภทเพื่อที่อยู่อาศัยและเพื่อการพาณิชย์ที่หดตัวร้อยละ 30.0 และร้อยละ 46.7 ตามลำดับ ส่วนแนวโน้มการลงทุนด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ซึ่งสะท้อนจากการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในภาคเหนือ มีจำนวนเงินลงทุนทั้งสิ้น 233.1 ล้านบาท ขยายตัวจากระยะเดียวกัน ปีก่อนถึงร้อยละ 164.6 ที่สำคัญเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก การลงทุนในเครื่องจักรของอุตสาหกรรม แปรรูปเกษตร เป็นต้น
6. การค้าต่างประเทศ การค้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือลดลงทั้งการส่งออกและนำเข้า โดยการส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 42.0 เหลือ 134.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเป็นการลดลงมากสุดนับตั้งแต่กันยายน 2541 ตามการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่หดตัวร้อยละ 30.9 ต่อเนื่องจากเดือนก่อน เป็นผลจากการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่หดตัวมากเนื่องจากได้รับผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจโลก สินค้าที่ลดลงมากได้แก่ แผงวงจรสำเร็จรูป ไอซี และชิ้นส่วน Hard Disk Drive ด้านการส่งออกสินค้าเกษตรหดตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน เนื่องจากเดือนเดียวกันปีก่อนมีการส่งออกยางแผ่นรมควันไปจีนมีปริมาณสูง ส่วนการส่งออกผ่านด่านชายแดนขยายตัวร้อยละ 2.9 เป็น 67.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการส่งออกไปลาวและจีนตอนใต้ที่ขยายตัวร้อยละ 27.0 และร้อยละ 21.3 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปพม่าลดลงร้อยละ 0.5 จากมูลค่าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ลดลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน
การนำเข้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือลดลงร้อยละ 60.0 เหลือ 51.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการส่งออกที่ หดตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางหดตัวร้อยละ 68.6 ตามมูลค่านำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เพชรเพื่อเจียระไน เคมีภัณฑ์และพลาสติก ด้านการนำเข้าสินค้าทุนหดตัว ตามการนำเข้าชิ้นส่วนเครื่องจักรไฟฟ้าและเครื่องจักรกล และอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ด้านการนำเข้าผ่านด่านชายแดนขยายตัวร้อยละ 14.7 เป็น 7.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการนำเข้าจากพม่าที่ขยายตัวร้อยละ 80.4 ส่วนหนึ่งจากการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากไม้ที่มีมูลค่าสูงจำนวนมาก ขณะที่การนำเข้าจากลาวและจีนตอนใต้หดตัวร้อยละ 43.3 และ ร้อยละ 4.1 ตามลำดับ จากการนำเข้าที่ลดลงของผักผลไม้ และถ่านหินลิกไนท์
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 เกินดุล 83.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่เกินดุล ดุลการค้า103.4 แต่เพิ่มขึ้นจากดือนก่อนที่เกินดุล 72.7 ล้านดอลลาร์ สรอ.
7. การเบิกจ่ายเงินงบประมาณผ่านคลังจังหวัดในภาคเหนือ มีจำนวนทั้งสิ้น 16,159.3 ล้านบาท ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 44.6 โดยรายจ่ายลงทุนเร่งตัวเกือบ 2 เท่าตัว ตามการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนทั่วไปแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เป็นงบลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 50 เท่าตัว ทั้งนี้มีการเบิกรับมากที่จังหวัดเชียงราย พิจิตร กำแพงเพชรและอุตรดิตถ์ อย่างไรก็ตาม การเบิกจ่ายหมวดที่ดิน/สิ่งก่อสร้างหดตัวร้อยละ 2.6 เนื่องจากงบประมาณประจำปี 2552 ล่าช้าส่งผลให้โครงการก่อสร้างของทางราชการต้องล่าช้าตามไปด้วย ด้านรายจ่ายประจำมีจำนวน 8,895.2 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 1.7 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ส่วนหนึ่งจากการขยายตัวของรายจ่ายงบดำเนินงานซึ่งได้แก่ ค่าตอบแทน ค่าใช้สอยและค่าวัสดุ
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.4 เป็นการเพิ่มขึ้นจาก8. ระดับราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มร้อยละ 11.9 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกส่งผลให้ราคาสินค้าหมวดข้าวขยายตัวสูง ขณะที่สินค้าหมวดผักและผลไม้ระดับราคาปรับขึ้นจากสภาพอากาศแล้งและเป็นช่วงปลายฤดูของผลไม้บางประเภททำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย สำหรับหมวดที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มลดลงร้อยละ 7.2 โดยราคาสินค้าหมวดหมวดยานพาหนะและเชื้อเพลิงลดลงร้อยละ 17.0 อย่างไรก็ดี ราคาสินค้าหมวดพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนส่วนหนึ่งเป็นผลจากการยกเลิกนโยบายของภาครัฐในส่วนของภาษีสรรพสามิตและการปรับเกณฑ์การสนับสนุนค่าไฟฟ้าและน้ำประปาใหม่ของทางการ ส่งผลให้ราคาสูงขึ้น ด้านดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.8
9. การจ้างงาน จากข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในเดือนมกราคม 2552 ภาคเหนือมีกำลังแรงงานรวม 7.0 ล้านคน เป็นผู้มีงานทำ 6.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.2 โดยการจ้างงานภาคเกษตรขยายตัวร้อยละ 3.3 ตามความต้องการแรงงานในช่วงฤดูกาลเกษตร ขณะที่การจ้างงานนอกภาคเกษตรขยายตัวร้อยละ 8.6 โดยขยายตัวมากในสาขาการก่อสร้าง สาขาโรงแรมและภัตตาคาร และการผลิตที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 21.2 ร้อยละ 17.0 และร้อยละ 3.0 ตามลำดับ ด้านผู้ว่างงานมีจำนวน 0.12 ล้านคน คิดเป็นอัตราการว่างงานเท่ากับร้อยละ 1.7 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับร้อยละ 1.6 ในช่วงเดียวกันปีก่อน
สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 เพียงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2552 มีจำนวน 589,396 คน หดตัวร้อยละ 1.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ส่วนผู้ประกันตนตามมาตรา 39 มีจำนวน 78,837 คน ขยายตัวจากเดือนก่อนและระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.6 และร้อยละ 36.2 ตามลำดับ
10. การเงิน ยอดคงค้างเงินฝากที่สาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2552 มียอด คงค้างทั้งสิ้น 381,589 ล้านบาท ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.0 ต่อเนื่องจากเดือนก่อน ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินฝากของส่วนราชการ โดยเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดนครสวรรค์ เชียงราย กำแพงเพชร และตาก ด้านเงินให้สินเชื่อ มียอดคงค้าง 301,183 ล้านบาท ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.3 ชะลอลงจากเดือนก่อน เนื่องจากมีการชำระคืนหนี้ตั๋วเงินและเงินเบิกเกินบัญชีของธุรกิจประเภทโรงสีข้าว สหกรณ์ออมทรัพย์ และธุรกิจค้าปลีก/ค้าส่ง ส่งผลให้สินเชื่อลดลงมาก โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ นครสวรรค์ เชียงราย และลำปาง สำหรับสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ร้อยละ 78.9 ลดลงจากร้อยละ 83.2 ระยะเดียวกันของปีก่อน ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ
ข้อมูลเพิ่มเติม : คุณสุวีวรรณ เลิศวิภาภัทร โทร 0 5393 1164 e-mail : suwe [email protected]
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย