เศรษฐกิจและการเงินภาคเหนือ เดือนกุมภาพันธ์ 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 31, 2010 15:10 —ธนาคารแห่งประเทศไทย

ฉบับที่ 3/2553

ภาวะเศรษฐกิจการเงินภาคเหนือเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนและกระจายทุกแรงขับเคลื่อนหลักของภาค โดยการส่งออกเร่งตัวตามการฟื้นตัวของตลาดส่งออกหลักและขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ห้า ทำให้ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวดีเกือบทุกประเภทโดยเฉพาะการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การแปรรูปสินค้าเกษตร และเครื่องประดับเพื่อการส่งออก การใช้จ่ายภาครัฐเร่งตัวขึ้นมาก การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่องตามกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคและความมั่นใจของนักลงทุน และการท่องเที่ยวยังคงดีต่อเนื่องจากการจัดงานเทศกาลต่างๆ รวมทั้งรายได้เกษตรกรยังคงปรับตัวดีขึ้นจากราคาผลผลิตที่ดีขึ้นโดยเฉพาะราคาอ้อยโรงงาน มันสำปะหลัง และข้าวเปลือกเหนียวนาปี ทำให้ภาคการค้าขยายตัวในเกณฑ์สูงทุกหมวด สำหรับเงินเฟ้อสูงขึ้นเล็กน้อยจากราคาอาหารสดช่วงเทศกาลตรุษจีน และผลผลิตที่น้อยลง ส่วนด้านแรงงานเริ่มตึงตัวจากการจ้างงานเพื่อการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่เงินฝากชะลอตัวและสินเชื่อธนาคารขยายตัวติดต่อกับเป็นเดือนที่สอง

รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจ มีดังนี้

1. ภาคเกษตร รายได้ของเกษตรขยายตัวร้อยละ 11.5 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันจากการเพิ่มขึ้นของราคาผลผลิต โดยดัชนีราคาพืชผลหลักสูงขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 16.0 จากราคาอ้อยโรงงานที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.9 ตามราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูงซึ่งเป็นผลจากผลผลิตอ้อยและน้ำตาลทั่วโลกลดลง ประกอบกับราคา มันสำปะหลังและข้าวเปลือกเหนียวนาปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 70.2 และร้อยละ 52.2 ตามลำดับ เนื่องจากมีความต้องการส่งออกเพิ่มขึ้น ทางด้านดัชนีผลผลิตพืชผลสำคัญหดตัวร้อยละ 3.9 ตามผลผลิตมันสำปะหลังที่ลดลงร้อยละ 18.6 จากการระบาดของเพลี้ยแป้งอย่างรุนแรงทำให้ผลผลิตต่อไร่ลดลงมาก ขณะที่กระเทียมและหอมแดงผลผลิตลดลงร้อยละ 17.0 และร้อยละ 13.8 ตามลำดับ เนื่องจากพันธุ์ขาดแคลนและมีราคาแพง รวมทั้งเกษตรกรบางส่วนได้หันไปปลูกพืชผักอื่น อย่างไรก็ดี อ้อยโรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 จากการขยายพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรตามราคาที่อยู่เกณฑ์สูง

2. ภาคอุตสาหกรรม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมภาคเหนือขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 55.6 เร่งตัวขึ้นเมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.9 เดือนก่อน ตามการเพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมสำคัญของภาคเหนือ โดยการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นจากเดือนก่อน ตามการผลิตชิ้นส่วนที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลาย ๆ ชนิดที่ขยายตัวดี เช่น ชิ้นส่วนเมาส์คอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบฮาดร์ดิสไดร์ฟ และชิ้นส่วนในโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่วนการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรยังขยายตัวดีต่อเนื่องจากเดือนก่อนโดยเฉพาะพืชผักและผลไม้แช่แข็ง ส่วนการผลิตกลุ่มวัสดุก่อสร้างยังคงขยายตัว ส่วนหนึ่งจากการส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านที่เพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมเครื่องประดับและเจียระไนเพชรขยายตัวเกือบ 2 เท่าตัว จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งเพชรเจียระไน และเครื่องประดับแฟชั่นที่ทำจากเงินและเพชรขยายตัวดีในตลาดเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกงและตลาดยุโรป

3. ภาคบริการ ภาวะด้านการท่องเที่ยวยังคงมีแรงส่งต่อเนื่องจากช่วงปีใหม่ และผลจากการจัดเทศกาลของจังหวัดต่างๆ เช่น งานไม้ดอกไม้ประดับที่จังหวัดเชียงใหม่ งานเทศกาลตรุษจีนที่จังหวัดนครสวรรค์ ทำให้การท่องเที่ยวยังคงสามารถปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสะท้อนจากจำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 13.3 ด้านการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทโรงแรมและภัตตาคารขยายเป็นเดือนที่สาม ร้อยละ 8.3 โดยขยายตัวทั้งภาคเหนือตอนบนและภาคเหนือตอนล่าง สำหรับอัตราการเข้าพักของโรงแรมของภาคเหนืออยู่ที่ร้อยละ 52.2 และราคาห้องพักเฉลี่ยอยู่ที่ 1,698.63 บาท/คืน

4. ภาคการค้า ภาวะการค้าภาคเหนือขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 21.1 จากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยดัชนีภาคการค้าขยายตัวในทุกหมวด ตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประกอบด้วยการค้าหมวดยานยนต์ที่ขยายตัวตามการขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มรถยนต์และรถจักรยานยนต์ขยายตัว อยู่ในเกณฑ์ดี แม้จะชะลอตัวลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย การค้าหมวดค้าส่งขยายตัวในเกือบทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะสินค้าไม่คงทนที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ยกเว้นการขายส่งอาหาร เครื่องดื่มและยาสูบ ยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่อง และการค้าหมวดค้าปลีก ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะสินค้าคงทน อาทิ วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมทั้งกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และยอดขายในห้างสรรพสินค้าที่ขยายตัวดีขึ้นตามการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค

5. การอุปโภคบริโภค ขยายตัวในเกณฑ์ดีตามขยายตัวของการท่องเที่ยว การจ้างงานและรายได้เกษตรกร ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.7 เครื่องชี้การใช้จ่ายของภาคเอกชนส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อาทิ ปริมาณการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12.6 การบริโภคสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือและเครื่องคอมพิวเตอร์ ยังขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดัชนีหมวดยานยนต์ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จากฐานต่ำในปีก่อน การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง และการออกรถยนต์รุ่นใหม่ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน

6. การลงทุนภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชนของภาคเหนือขยายตัวต่อเนื่อง โดยดัชนีการลงทุนภาคเอกชนภาคเหนือขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.2 ตามการฟื้นตัวของภาคก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชน สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 55.9 ตามการก่อสร้างภาครัฐจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง การก่อสร้างบ้านอยู่อาศัยของเกษตรกร และการส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 46.4 ในประเภทที่อยู่อาศัยและประเภทเพื่อการบริการ ในจังหวัดสำคัญของภาคเหนือ ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนที่ดินขยายตัวที่ร้อยละ 30.3 ส่วนหนึ่งจากใกล้สิ้นสุดการให้ความช่วยเหลือในมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง สำหรับความสนใจลงทุนด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ ซึ่งสะท้อนจากการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในภาคเหนือ ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน 3 เท่าตัว เป็นการลงทุนในหมวดหมวดบริการและสาธารณูปโภค และหมวดเกษตรกรรมและผลิตผลการเกษตร เป็นสำคัญ

7. การค้าต่างประเทศ ยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดี การส่งออก มูลค่าการส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 85.7 เป็น 249.4 ล้านดอลลาร์สรอ. ขยายตัวดีต่อเนื่องจากเดือนก่อน เป็นผลจากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่ขยายตัวร้อยละ 45.9 โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม Hi-tech Products อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ และเลนส์กล้องถ่ายรูป เป็นต้น ด้านการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมในกลุ่ม Labor Intensive และ Resource Based ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะเพชรเจียระไนและผลิตผลทางการเกษตรแปรรูป การส่งออกสินค้าเกษตรขยายตัวร้อยละ 86.8 เร่งตัวขึ้นมากตามการส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ขยายตัวดีต่อเนื่องจากเดือนก่อน ด้านตลาดส่งออกสำคัญขยายตัวในทุกๆ ตลาดทั้ง อาเซียน ยุโรปและจีน สำหรับการส่งออกผ่านด่านชายแดนขยายตัวร้อยละ 63.9 เป็น 110.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. เป็นผลจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในตลาดพม่าและลาว ร้อยละ 75.4 และร้อยละ 51.1 ตามลำดับ ในขณะที่การส่งออกไปจีนตอนใต้ลดลงร้อยละ 35.3

การนำเข้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 98.9 เป็น 102.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวดีตามการส่งออก และเร่งตัวขึ้นในทุกกลุ่มสินค้า โดยการนำเข้าวัตถุดิบขยายตัวร้อยละ 53.3 ขยายตัวดีตามการผลิตเพื่อส่งออกของอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การเจียระไนเพชร และแก้วเพื่อทำเลนส์กล้องถ่ายรูป ด้านการนำเข้าสินค้าทุนขยายตามการนำเข้าชิ้นส่วนเครื่องจักรไฟฟ้าและเครื่องจักรกล และอุปกรณ์เลนส์ การนำเข้าผ่านด่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.0 เป็น 8.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอตัวจากเดือนก่อน ตามการนำเข้าจากพม่าและจีนตอนใต้ที่ลดลงร้อยละ 29.3 และ ร้อยละ 64.2 ตามลำดับ ส่วนการนำเข้าจากลาวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวตามการนำเข้า ถ่านหินลิกไนท์ที่ขยายตัวเป็นสำคัญ

ดุลการค้า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 เกินดุล 146.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่เกินดุล 82.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. แต่ลดลงจากเดือนก่อนที่เกินดุล 157.3 ล้านดอลลาร์ สรอ.

8. การเบิกจ่ายเงินงบประมาณผ่านคลังจังหวัดในภาคเหนือ มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้นจำนวน 19,135.5 ล้านบาท ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 18.4 โดยรายจ่ายลงทุนขยายตัวร้อยละ 47.0 เป็นการเบิกจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะเงินอุดหนุนทั่วไปและเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ เพื่อสร้างระบบสาธารณูปโภคทั้งนี้มีการเบิกจ่ายมากที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย เพชรบูรณ์ และนครสวรรค์ ด้านรายจ่ายประจำมีจำนวน 8,458.8 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 4.9 ตามการหดตัวขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งหดตัวร้อยละ 40.7 เนื่องจากในช่วงเดือนที่ผ่านมาได้มีการเบิกจ่ายอย่างต่อเนื่องไปแล้ว

9. ระดับราคา เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 จากระยะเดียวกันปีก่อนและใกล้เคียงกับร้อยละ 4.8 เดือนก่อน ตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าน้ำประปาเป็นสำคัญ เนื่องจากในช่วงเดียวกันปีก่อนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มปรับสูงขึ้นและการปรับลดการช่วยเหลือในส่วนค่าน้ำประปาของรัฐบาล ขณะที่หมวดอาหารและเครื่องดื่มราคากลับเร่งสูงขึ้นตามราคาสินค้ากลุ่มอาหารสดโดยเฉพาะหมวดผักและผลไม้ที่เพิ่มสูงถึงร้อยละ 28.6 เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดลดลงรวมทั้งความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน

10. การจ้างงาน จากการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ เพียงสิ้นเดือนมกราคม 2553 ภาคเหนือมีกำลังแรงงานรวม 7.2 ล้านคน เป็นผู้มีงานทำ 7.0 ล้านคน การจ้างงานรวมของภาคเหนือขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.1 โดยการจ้างงานภาคเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 ส่วนการจ้างงานนอกภาคเกษตรขยายตัวร้อยละ 1.8 จากการจ้างงานในสาขาโรงแรมและภัตตาคาร และการค้าส่ง/ปลีก สำหรับผู้ว่างงานมีจำนวน 0.09 ล้านคน คิดเป็นอัตราการว่างงานเท่ากับร้อยละ 1.3 ต่ำกว่าร้อยละ 1.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน สำหรับจำนวนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2553 รวมจำนวน 711,675 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.6 และร้อยละ 6.5 ตามลำดับ

11. การเงิน ยอดคงค้างเงินฝากที่สาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2553 มียอด คงค้างทั้งสิ้น 391,545 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.6 ชะลอตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน ซึ่งเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ยอดคงค้างเงินฝากลดลง 455 ล้านบาท จากการถอนเงินฝากของส่วนราชการและองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อนำไปใช้ในโครงการต่าง ๆ อย่างไรก็ดี มีเงินฝากของสถานศึกษาเพิ่มขึ้นมากในจังหวัดเชียงใหม่ ด้านเงินให้สินเชื่อมียอด คงค้าง 307,067 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ขยายตัวต่อเนื่องจากร้อยละ 1.3 เดือนก่อน จากความต้องการใช้สินเชื่อของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งและรับเหมาก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้ายอดคงค้างของเงินให้สินเชื่อลดลง 2,612 ล้านบาท จากการชำระคืนตั๋วสัญญาใช้เงินและเงินเบิกเกินบัญชีของธุรกิจโรงสีข้าวและสหกรณ์ออมทรัพย์ ส่งผลให้เงินให้สินเชื่อลดลงมากที่จังหวัดพิจิตร นครสวรรค์ เชียงใหม่ สุโขทัยและอุตรดิตถ์ สำหรับสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ร้อยละ 78.4 ใกล้เคียงกับระยะเดียวกันของปีก่อน

ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ

ข้อมูลเพิ่มเติม : คุณชนินทร์ เพชรไทย

โทร 0 5393 1157

E-mai l: [email protected]

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ