คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการอนุมัติจัดสรรโควตานมผงขาดมันเนยปี 2553 เพิ่มเติมให้กับผู้ประกอบการกลุ่มนิติบุคคลที่ 2 ที่ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากวัตถุดิบที่เหลือในคลังสินค้ามีไม่เพียงพอตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ โคนมและผลิตภัณฑ์นม ครั้งที่ 5/2553 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2553 จำนวน 22 ราย ปริมาณ 2,441.75 ตัน โดยใช้โควตา ที่เหลือคืนมาจากผู้ประกอบการกลุ่มนิติบุคคลที่ 1 จำนวน 2,461.32 ตัน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) รายงานว่า ตามที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) และความตกลงทางการค้าเสรี ไทย - ออสเตรเลีย (TAFTA) จำเป็นต้องเปิดตลาดนำเข้าสินค้าเกษตร ซึ่งสินค้าเกษตรที่มีผลกระทบให้สามารถกำหนดโควตาและอัตราภาษีในโควตาและนอกโควตาได้ สำหรับนมผงขาดมันเนยเป็น สินค้าหนึ่งที่อยู่ในข้อผูกพัน โดยต้องเปิดตลาดนำเข้าตามข้อตกลง WTO ไม่น้อยกว่า 55,000 ตัน และ TAFTA ไม่น้อยกว่า 2,200 ตัน รวมทั้งสิ้น 57,200 ตัน โดยคิดอัตราภาษีในโควตาร้อยละ 20 (เก็บจริงร้อยละ 5) และอัตราภาษีนอกโควตา WTO ร้อยละ 216 และ TAFTA ร้อยละ 194.4 กรณีการเปิดตลาดมากกว่าที่ผูกพันจะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ดังนี้
1. ผลการดำเนินการ
1.1 ข้อมูลการเปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนย มีดังนี้
ปี ปริมาณการนำเข้าตามข้อผูกพัน (ตัน) โควตาเพิ่มเติม WTO TAFTA ตัน วันที่ ครม.มีมติ 2548 55,000 2,200 10,000 29 พ.ย. 2548 2549 55,000 2,200 7,500 12 ธ.ค. 2549 2550 55,000 2,200 - - 2551 55,000 2,200 20,971.31 15 ม.ค. 2551 2552 55,000 2,200 - -
1.2 สำหรับปี 2552 คณะรัฐมนตรีมีมติ (1 ธันวาคม 2552) ให้นำเรื่องเสนอคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) พิจารณากรณีที่ กษ. ได้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติให้เปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนย ปี 2552 เพิ่มเติม ให้กับผู้ประกอบการกลุ่มนิติบุคคลที่ 2 ซึ่งได้รับการจัดสรรตามโควตาร้อยละ 20 ของโควตาที่เปิดตลาด เป็นจำนวน 11,440 ตันครบถ้วนแล้ว แต่ยังมีความต้องการเพิ่มอีกจำนวน 2,569.42 ตัน จึงเกินโควตาที่กำหนดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548
ทั้งนี้ กรอ. ในการประชุมครั้งที่ 9/2552 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2552 ได้พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า ในทางปฏิบัติการนำเข้านมผงขาดมันเนย ปี 2552 เพิ่มเติม ไม่สามารถนำเข้าได้ทันภายในกำหนดเวลา เนื่องจากต้องใช้เวลาในกระบวนการนำเข้าประมาณ 2 — 3 เดือน จึงควรพิจารณาการนำเข้าโดยใช้โควตาในปี 2553 จะเหมาะสมกว่า จึงมีมติมอบหมายให้ กษ. เร่งรัดแจ้งผลการจัดสรรโควตานำเข้านมผงขาดมันเนย ปี 2553 ให้กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เพื่อนำไปดำเนินการออกประกาศโควตานำเข้านมผงขาดมันเนยสำหรับปี 2553 เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้ประกอบการ และในกรณีที่ผู้ประกอบการภาคเอกชนมีความต้องการนำเข้าเพิ่มเติม ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
1.3 สำหรับปี 2553 คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมเห็นชอบการเปิดตลาดสินค้านมผงขาดมันเนยตามความตกลงการค้าระหว่างประเทศ ประจำปี 2553 รวม 57,574 ตัน (ตามข้อตกลง WTO ปริมาณ 55,000 ตัน และ TAFTA ปริมาณ 2,574 ตัน) โดยให้เก็บภาษีในโควตาเท่าเดิมตามที่เก็บจริงในอัตราร้อยละ 5 และแบ่งการจัดสรรเป็น 2 กลุ่ม โดยผู้ประกอบการกลุ่มนิติบุคคลที่ 1 ได้รับการจัดสรรร้อยละ 80 เป็นจำนวน 46,059.20 ตัน และผู้ประกอบการกลุ่มนิติบุคคลที่ 2 ได้รับการจัดสรรร้อยละ 20 เป็นจำนวน 11,514.80 ตัน สำหรับเงื่อนไขการจัดสรร แบ่งออกเป็น 2 งวด งวดที่ 1 ปริมาณ 46,149.28 ตัน แบ่งเป็นโควตา WTO ปริมาณ 43,575.28 ตัน และโควตา TAFTA ปริมาณ 2,574 ตัน งวดที่ 2 ปริมาณ 11,424.72 ตัน เป็นโควตา WTO ทั้งหมด
2. กษ. พิจารณาแล้วเห็นว่า
2.1 เนื่องจากผู้ประกอบการกลุ่มนิติบุคคลที่ 2 มีความต้องการโควตานำเข้านมผงขาดมันเนยเพิ่มเติม ในปี 2553 มากกว่าที่ได้รับการจัดสรรตามสัดส่วนร้อยละ 20 โดยขอใช้โควตาของผู้ประกอบการกลุ่มนิติบุคคลที่ 1 ที่ได้รับการจัดสรรตามสัดส่วนร้อยละ 80 ซึ่งคงเหลือคืนมา จึงมีความจำเป็นที่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548 ซึ่งกำหนดสัดส่วนการจัดสรรโควตาของผู้ประกอบการแต่ละ กลุ่มไว้
2.2 เห็นควรขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบภายในเดือนตุลาคม 2553 เพื่อให้ พณ. ประกาศผลการจัดสรรที่จะออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิชำระภาษีในโควตาภายในเดือนพฤศจิกายน 2553 และผู้ประกอบการนำเข้าให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2553
3. คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ในการประชุมครั้งที่ 5/2553 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2553 เห็นชอบให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบการอนุมัติจัดสรรโควตานมผงขาดมันเนยปี 2553 กรณีที่โควตาของกลุ่มนิติบุคคลที่ 1 คงเหลือคืนมาในการจัดสรรเพิ่มเติมให้กับกลุ่มนิติบุคคลที่ 2 ซึ่งอยู่ในอำนาจการพิจารณาเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี โดยจัดสรรให้กับผู้ประกอบการกลุ่มนิติบุคคลที่ 2 ที่ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากวัตถุดิบที่เหลือในคลังสินค้ามีไม่เพียงพอ ตามบัญชีรายชื่อแนบท้ายมติที่ประชุม จำนวน 22 ราย ปริมาณ 2,441.75 ตัน จากโควตาที่เหลือคืนมาจากกลุ่มนิติบุคคลที่ 1 จำนวน 2,461.32 ตัน และเห็นชอบกรอบระยะเวลาในการพิจารณาและดำเนินงาน โดยเห็นสมควรขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบภายในเดือนตุลาคม 2553 เพื่อให้ พณ. ประกาศผลการจัดสรรที่จะออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิชำระภาษี ในโควตาภายในเดือนพฤศจิกายน 2553 และผู้ประกอบการนำเข้าให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2553
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 พฤศจิกายน 2553--จบ--