การค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 9 เดือนของปี 2553 (มกราคม-กันยายน)

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 26, 2010 16:42 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 9 เดือนของปี 2553 (มกราคม-กันยายน) ของกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ดังนี้

1. การส่งออก

1.1 การส่งออกเดือนกันยายน 2553

1.1.1 การส่งออก มีมูลค่า 18,061.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 21.2 การส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 565,874.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4

1.1.2 สินค้าส่งออก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกหมวดสินค้า โดยสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.0 สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.2 และสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.7

(1) สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตร ส่วนใหญ่ส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า โดยเฉพาะ ยางพารา กุ้งแช่แข็งและแปรรูป และ ไก่แช่แข็งและแปรรูปรวมทั้ง ข้าว ที่กลับมาส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่าร้อยละ 14.7 และ 6.2 ตามลำดับ สินค้าที่ปริมาณลดลงแต่มูลค่า เพิ่มขึ้นได้แก่ อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป มันสำปะหลัง และ ผัก ผลไม้ ที่ลดลงเล็กน้อยเนื่องจากผลผลิตในประเทศลดลงแต่ราคาส่งออกสูงขึ้น ส่วนน้ำตาล ส่งออกลดลงทั้งปริมาณและมูลค่าร้อยละ 63.4 และ 51.9 ตามลำดับ เนื่องจากผลผลิตในประเทศลดลงและความต้องการในประเทศเพิ่มขึ้น

(2) สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ สินค้าส่งออกสำคัญส่วนใหญ่ส่งออกเพิ่มขึ้น

  • สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องสำอาง เป็นต้น
  • สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นน้อยกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งพิมพ์และกระดาษ เฟอร์นิเจอร์ อาหารสัตว์เลี้ยง เป็นต้น

สินค้าที่ส่งออกลดลง ได้แก่ อัญมณี ลดลงร้อยละ 11.0 เป็นผลจากการส่งออกทองคำที่ลดลงร้อยละ 31.0 ขณะที่อัญมณีที่หักทองคำออกแล้วส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 26.8 และวัสดุก่อสร้าง ลดลงร้อยละ 7.9 เป็นการลดลงของการส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กกล้า(โครงก่อสร้าง)ไปออสเตรเลียที่ลดลงถึงร้อยละ 98.3

1.1.3 ตลาดส่งออก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูง ในตลาดหลักและตลาดศักยภาพสูง ขณะที่ตลาดศักยภาพระดับรองการส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัว

(1) ตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สิบเอ็ดร้อยละ 22.9 เป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกตลาด โดยเฉพาะ ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป(15) ที่เพิ่มขึ้นในอัตราสูงถึงร้อยละ 30.0 และ 22.5 ตามลำดับ

(2) ตลาดศักยภาพสูง ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สิบสาม ร้อยละ 29.5 เป็นการเพิ่มขึ้นทุกตลาด โดยเฉพาะ อาเซียน (5) จีน และ ฮ่องกงที่ขยายตัวถึงร้อยละ 39.4 , 29.3 และ 26.0 ตามลำดับ

(3) ตลาดศักยภาพระดับรอง ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สิบสาม ในอัตราชะลอตัวลงเพียงร้อยละ 5.5 โดยการส่งออกไปทวีปออสเตรเลียลดลงร้อยละ 18.7 ขณะที่การส่งออกไปรัสเซียและ CIS และลาตินอเมริกาขยายตัวในอัตราสูงถึงร้อยละ 113.4 และ 71.7 ตามลำดับ

1.2 การส่งออกในระยะ 9 เดือนของปี 2553 (ม.ค.-ก.ย.)

1.2.1 การส่งออก การส่งออกมีมูลค่า 143,144.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.1 ในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 4,613,848.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.7

1.2.2 สินค้าส่งออก เพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า ดังนี้ สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.3 สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.7 และสินค้าอื่น ๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.4

(1) สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า โดยเฉพาะ ยางพารา มันสำปะหลัง น้ำตาล และสินค้าอาหาร ประเภท อาหารทะเล แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป และ ไก่แช่แข็งและแปรรูป รวมทั้ง ผักและผลไม้ ที่มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นแต่ปริมาณส่งออกลดลงเล็กน้อย ยกเว้น ข้าว ที่ส่งออกลดลงทั้งปริมาณและมูลค่าร้อยละ 6.7 และ 4.5 ตามลำดับ จากปัญหาการแข่งขันด้านราคากับเวียดนาม ปากีสถานและอินเดียและการแข็งค่าของเงินบาท

(2) สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ส่งออกเพิ่มขึ้นทุกรายการ ยกเว้นทองคำ

  • สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องสำอาง เฟอร์นิเจอร์ เลนส์ และนาฬิการวมทั้งอัญมณีที่หักทองคำออกแล้วส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 26.8 (การส่งออกอัญมณีเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 แต่การส่งออกทองคำลดลงร้อยละ 8.1)
  • สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นน้อยกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ สิ่งทอ วัสดุก่อสร้าง สิ่งพิมพ์ เครื่องเดินทางและเครื่องหนัง เครื่องใช้เครื่องประดับตกแต่ง อาหารสัตว์เลี้ยง เป็นต้น

1.2.3 ตลาดส่งออก

(1) ตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 26.1 เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป(15) เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.0 , 24.9 และ 21.6 ตามลำดับ

(2) ตลาดศักยภาพสูง ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูงถึงร้อยละ 40.6 และเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ค่อนข้างสูงในทุกตลาด ทั้ง อาเซียน(5) จีน อินโดจีนและพม่า ฮ่องกง และ อินเดีย

(3) ตลาดศักยภาพระดับรอง ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 21.4 และเป็นการขยายตัวในเกือบทุกตลาด ทั้งทวีปออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง โดยเฉพาะ ลาตินอเมริกา และ รัสเซียและ CIS ที่ขยายตัวในอัตราสูง ยกเว้นแอฟริกาที่ส่งออกลดลงร้อยละ 0.9 เป็นการลดลงของการส่งออกเหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์(โครงก่อสร้าง) และข้าว ที่ลดลงร้อยละ 79.2 และ 25.3 ตามลำดับ

2. การนำเข้า

2.1 การนำเข้าเดือนกันยายน 2553

2.1.1 การนำเข้า มีมูลค่า 14,996.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.0 คิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 475,393.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6

2.1.2 สินค้านำเข้า สินค้านำเข้าสำคัญมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นเกือบทุกหมวดดังนี้

(1) สินค้าเชื้อเพลิง นำเข้าลดลงร้อยละ 19.9 การนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงที่สำคัญ ได้แก่น้ำมันดิบ มีมูลค่า 1,577.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 28.8 ในเชิงปริมาณมีจำนวน 20.26 ล้านบาร์เรล (675,190 บาร์เรลต่อวัน) ลดลงร้อยละ 34.87 เนื่องจากในเดือนกันยายน บริษัท ปตท. ได้ปิดโรงกลั่นเพื่อซ่อมแซมเป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์

(2) สินค้าทุน นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.2 สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจของประเทศที่เริ่มขยายตัว และการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ประกอบกับเงินบาทแข็งค่าส่งผลให้ราคาสินค้าถูกลง จูงใจให้ผู้ประกอบการซื้อสินค้าในหมวดนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเครื่องจักรกลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและขยายการผลิต การนำเข้าสินค้าทุนที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ นำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.9 เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.6 เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ นำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7

(3) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.6 สอดคล้องกับการส่งออกและการบริโภคในประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาสินค้าถูกลงจากค่าเงินบาทแข็งค่าจูงใจให้มีการซื้อเพิ่มขึ้น สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปสำคัญ ได้แก่ เคมีภัณฑ์ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.3 ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเม็ดพลาสติก เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนรถยนต์ และผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ อุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.8 เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ นำเข้าปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 และในเชิงมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 42.7 เป็นการนำเข้าตามความต้องการภายในประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ภาคก่อสร้าง และการผลิตภาชนะบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น ทองคำ นำเข้าปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 และในเชิงมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 52.9 เนื่อง จากราคาทองคำในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และเงินบาทแข็งค่า

(4) สินค้าอุปโภคบริโภค นำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.1 เนื่องจากราคาสินค้าที่นำเข้าถูกลงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน นำเข้าลดลงร้อยละ 3.2 เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 54.3 ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.0

(5) สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 56.8 การนำเข้าสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่งที่สำคัญ ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ นำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.4 รถยนต์นั่ง นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 52.3 รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก นำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 147.2 ส่วนประกอบและอุปกรณ์จักรยานยนต์และรถจักรยาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.8

2.2 การนำเข้าในระยะ 9 เดือนของปี 2553 (ม.ค.-ก.ย.)

2.2.1 การนำเข้า นำเข้ามูลค่า 133,999.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปี 2552 เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.4 คิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 4,371,646.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.5

2.2.2 สินค้านำเข้าสำคัญ มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้าดังนี้ สินค้าเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.9 สินค้าทุน เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.8 สินค้าวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 55.7 สินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.9 และสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 94.7

3. ดุลการค้า

เดือนกันยายน 2553 ไทยได้ดุลมูลค่า 3,065.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดในรูปเงินบาทได้ดุลมูลค่า 90,481.0 ล้านบาท ส่งผลให้ในระยะ 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ไทยได้ดุลการค้าสะสมมูลค่า 9,145.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 242,201.6 ล้านบาท

4. เปรียบเทียบอัตราการขยายตัวของการส่งออกของไทยกับประเทศคู่แข่ง ปี 2553

                        มค. 53   กพ. 53   มีค. 53    เมย. 53    พค.53   มิย.53    กค.53    สค.53    กย.53
             ไทย          30.8     23.1     40.9       35.2     42.1    46.3     20.6     23.9     21.2
             จีน           21.0     45.7     24.2       30.4     48.4    43.9     38.0     34.3     25.1
             ไต้หวัน        75.8     32.6     50.1       47.8     57.9    34.1     38.5     26.6     17.5
             เกาหลีใต้      45.8     30.3     34.3       29.8     40.5    30.2     27.5     27.7     17.2
             เวียดนาม      34.8    -25.6      5.3       24.6     43.0    33.4     25.5     51.6     34.2
             สิงคโปร์       37.0     19.2     29.3       30.0     29.0    28.3     16.6     25.5     18.8
             มาเลเซีย      37.0     18.4     36.4       26.6     21.9    17.2     13.5     10.6       Na
             ฟิลิปปินส์       42.4     42.5     43.7       28.2     37.3    33.7     35.9     36.6       Na

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 25 พฤศจิกายน 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ