ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. ....

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 1, 2010 15:02 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้

ข้อเท็จจริง

กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอว่า

1. สำนักงานคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติซึ่งได้จัดตั้งขึ้นตามมติคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2550 ได้ประเมินสถานการณ์การพัฒนาวัคซีนของประเทศไทยพบว่ามีความก้าวหน้าด้านการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคให้แก่ ประชาชนได้อย่างครอบคลุม และการควบคุมคุณภาพวัคซีนที่ผ่านการประเมินมาตรฐานโดยองค์การอนามัยโลก แต่ด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีนมีความก้าวหน้าน้อย การพัฒนาวัคซีนไม่สามารถดำเนินการต่อเพื่อเข้าสู่การผลิตวัคซีนในระดับอุตสาหกรรมได้ และจากการจัดทำ “แผนที่ทางเดินของวัคซีน 5 ชนิด” ได้แก่ วัคซีนเดงกี่ วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี วัคซีนบีซีจีหรือวัคซีนป้องกันวัณโรคชนิดใหม่ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนรวมคอตีบ บาดทะยัก ไอกรนและตับอักเสบบี ซึ่งถูกจัดลำดับความสำคัญไว้ในนโยบายวัคซีนแห่งชาติได้ชี้ให้เห็นศักยภาพ และส่วนที่ขาดในการวิจัยพัฒนาเพื่อการผลิตวัคซีนแต่ละชนิด ซึ่งจำเป็นต้องเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามนโยบายวัคซีนแห่งชาติ โดยคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติได้มีมติให้ผลักดันการดำเนินการดังกล่าว ดังนี้

1.1 การจัดตั้ง “สถาบันวัคซีนแห่งชาติ” เป็นหน่วยงานกลางด้านวัคซีนอย่างเป็นทางการ ตามที่กำหนดไว้ในนโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ

1.2 การบริหารจัดการวัคซีนแต่ละชนิดอย่างครบวงจรในรูปแบบโครงการ

1.3 การพัฒนาบุคลากรตลอดวงจรของการพัฒนาวัคซีนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

1.4 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ โรงงานผลิตวัคซีนในระดับกึ่งอุตสาหกรรมและระดับอุตสาหกรรม รวมทั้งกรอบโครงสร้างและอัตรากำลังของหน่วยงานควบคุมกำกับคุณภาพวัคซีนของประเทศให้เข้มแข็งมากขึ้น

1.5 การสนับสนุนการผลิตวัคซีน โดยกลไกต่างๆ รวมทั้งการกำหนดนโยบายการเลือกใช้วัคซีนที่ผลิตในประเทศ การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประชาชน

2. นโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่สำนักงานคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเป็นการภายใน ไม่มีอำนาจหน้าที่และกฎหมายรองรับ ไม่มีความอิสระคล่องตัวในการดำเนินงาน และงบประมาณไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถดำเนินการให้เกิดความก้าวหน้าหรือประสบความสำเร็จในการวิจัยพัฒนา และการผลิตวัคซีนเพื่อการพึ่งพาตนเอง นอกจากนี้ ยังต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านวัคซีน ดังนั้น เพื่อให้การวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนเกิดการบูรณาการดำเนินงานด้านวัคซีนอย่างเป็นเอกภาพและมีประสิทธิภาพจนสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของนโยบายวัคซีนแห่งชาติในการพึ่งตนเองด้านวัคซีน และมีความมั่นคงในการมีวัคซีนที่จำเป็นสำหรับการป้องกันควบคุมโรค สามารถลดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากการระบาดของโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน ลดการสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคม และนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถการเป็นผู้นำในภูมิภาคด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ

3. สำหรับงบประมาณดำเนินการ จำแนกเป็นรายปี รวม 4 ปี เป็นจำนวนเงิน 198.5 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบ ค่าตอบแทนบุคลากร งบดำเนินงานปกติ และงบขับเคลื่อนงานตามนโยบาย

4. ได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากส่วนราชการ และองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นชอบด้วย

สาระสำคัญของร่างระเบียบ

1. กำหนดให้มีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด (ร่างข้อ 5 และร่างข้อ 10)

2. กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่งและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมาจากการคัดเลือก และให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด (ร่างข้อ 11 และร่างข้อ 14)

3. กำหนดให้จัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เป็นหน่วยงานภายในกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยให้สถาบันมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด และให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันฯ จากข้าราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (ร่างข้อ 15 และร่างข้อ 16)

4. กำหนดให้งบประมาณที่ใช้ในกิจการการพัฒนางานด้านวัคซีนส่วนหนึ่งประกอบด้วยเงินและทรัพย์สินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีจากกรมควบคุมโรค เงินอุดหนุนจากรัฐบาล และให้เงินและทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมดยกเว้นงบประมาณรายจ่ายประจำปี เป็นเงินบำรุงของสถาบัน (ร่างข้อ 20)

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ