สรุปสถานการณ์อุทกภัย ภัยหนาว และการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2553)

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 1, 2010 16:43 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลสรุปสถานการณ์อุทกภัย ภัยหนาว และการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2553) ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้

สรุปสถานการณ์อุทกภัยเนื่องจากอิทธิพลของร่องความกดอากาศต่ำ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และพายุดีเปรสชั่นบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง (ระหว่างวันที่ 10 ตุลาคม - 29 พฤศจิกายน 2553)

1. การคาดหมายลักษณะอากาศ (ระหว่างวันที่ 29 พ.ย. - 4 ธ.ค. 2553)

1.1 กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายลักษณะอากาศว่า ในช่วงวันที่ 29 พ.ย. - 4 ธ.ค. 2553 บริเวณความกดอากาศสูงและมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่ปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย และมีหมอกเพิ่มขึ้นในตอนเช้า ส่วนภาคใต้มีฝนลดลงอยู่ในเกณฑ์กระจายและคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณหมอก

1.2 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้มีโทรสารด่วนที่สุด ที่ มท 0616/ว 12784 ลงวันที่ 29 พ.ย. 2553 แจ้งเตือนในช่วงระหว่างวันที่ 30 พ.ย. - 3 ธ.ค. 2553 ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 (สุราษฎร์ธานี) เขต 12 (สงขลา) เขต 18 (ภูเก็ต) และจังหวัดในภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส กระบี่ ตรัง และจังหวัดสตูล เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากสภาวะฝนตกหนัก และคลื่นลมแรงในอ่าวไทย อาจสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนพืชผลทางการเกษตรของประชาชน และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้ให้พร้อม เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันต่อเหตุการณ์

2. สถานการณ์อุทกภัย

2.1 สถานการณ์อุทกภัยระหว่างวันที่ 10 ต.ค. - 29 พ.ย. 2553 อันเนื่องมาจากอิทธิพลของร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคใต้ตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้

มีจังหวัดที่ประสบอุทกภัย และมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวม 39 จังหวัด 425 อำเภอ 3,098 ตำบล 26,226 หมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิต 177 ราย ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2,002,961 ครัวเรือน 7,038,248 คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหายประมาณ 7,784,368 ไร่ ซึ่งสถานการณ์ได้คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างการฟื้นฟู 36 จังหวัด

ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยทั้งสิ้น 3 จังหวัด 9 อำเภอ 75 ตำบล 438 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 35,305 ครัวเรือน 111,046 คน ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

2.2 สถานการณ์อุทกภัยระหว่างวันที่ 1 - 29 พ.ย. 2553 อันเนื่องมาจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่นบริเวณอ่าวไทยตอนล่างเคลื่อนผ่านภาคใต้

มีจังหวัดที่ประสบอุทกภัย และมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ในภาคใต้ รวม 12 จังหวัด 133 อำเภอ 874 ตำบล 6,197 หมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิต 78 ราย ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 609,511 ครัวเรือน 1,932,405 คน ซึ่งสถานการณ์ได้คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างการฟื้นฟู 10 จังหวัด

ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยทั้งสิ้น 2 จังหวัด 5 อำเภอ 27 ตำบล 169 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 32,465 ครัวเรือน 104,001 คน ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดพัทลุง

2.3 การให้ความช่วยเหลือของหน่วยงาน

2.3.1 จังหวัดที่ประสบภัย ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปพร. อส. อาสาสมัคร มูลนิธิ องค์กรเอกชน ภาคประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว และจะได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ จากเงินทดรองราชการ (งบ 50 ล้านบาท) ตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยเร่งด่วนต่อไป

2.3.2 การแจกจ่ายน้ำดื่มแก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยและให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง จังหวัด ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดหาน้ำดื่มสะอาดมอบแก่ผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งขณะนี้มีรายงานผลการแจกจ่ายน้ำ จำนวน 13 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยนาท นครนายก นครปฐม นครสวรรค์ บุรีรัมย์ ปทุมธานี ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี สุรินทร์ และจังหวัดอุบลราชธานี รวม จำนวน 7,726,051 ลิตร

3. สิ่งของพระราชทานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

3.1 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยพสกนิกรที่ได้รับความเดือดร้อน จึงได้พระราชทานถุงยังชีพให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้แทนพระองค์เดินทางไปมอบสิ่งของพระราชทานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรในเบื้องต้น รวม จำนวน 94,850 ครอบครัว

3.2 สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย มอบชุดธารน้ำใจพระราชทานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวม จำนวน 130,622 ชุด น้ำดื่ม 11,014,320 ขวด ผ้าห่ม 2,200 ผืน เสื้อกันหนาว 2,000 ตัว แก๊สหุงต้ม 1,050 ชุด หม้อเมเยอร์ 1,000 ใบ รถผลิตน้ำดื่ม 3 คัน หน่วยครัวเคลื่อนที่สภากาชาดไทย และเรือท้องแบน 7 ลำ

3.3 กองงานพระวรชายาฯ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงโปรดให้ ผู้แทนพระองค์ เดินทางไปมอบถุงพระราชทานในพื้นที่ประสบอุทกภัย รวม จำนวน 19,250 ชุดนมเม็ดจิตรลดา 700 ลัง และส้วมสำเร็จรูป 600 ชุด

3.4 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ (นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ) และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โปรดให้ผู้แทนพระองค์เดินทางไปมอบถุงประทานแก่ราษฎร ในพื้นที่ประสบอุทกภัย รวม จำนวน 17,102 ถุง และอาหารกล่อง จำนวน 3,500 กล่อง

3.5 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้พระราชทานพระราชานุญาตให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล) และคณะ นำถุงยังชีพพระราชทานไปมอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดราชบุรี เพชรบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวม จำนวน 1,500 ชุด

สรุปสถานการณ์ภัยหนาว และการให้ความช่วยเหลือ (ระหว่างวันที่ 1 - 29 พฤศจิกายน 2553)

1. การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาวของกระทรวงมหาดไทย

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาว ปี พ.ศ. 2553 - 2554 ของจังหวัดขึ้น ณ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในเขตพื้นที่ พร้อมทั้งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบประจำศูนย์ฯ เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสภาวะอากาศหนาวเย็นที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทย ได้จัดตั้งศูนย์รับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และที่จังหวัดทุกจังหวัดด้วย

2. สถานการณ์ภัยหนาว (ระหว่างวันที่ 1 - 29 พฤศจิกายน 2553)

ในขณะนี้ได้รับรายงานจังหวัดที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) เนื่องจากมีสภาพอากาศหนาว (อุณหภูมิ 8.0 - 15.9 องศาเซลเซียส) ถึงหนาวจัด (อุณหภูมิต่ำกว่า 8.0 องศาเซลเซียส) จำนวน 15 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา เพชรบูรณ์ ตาก น่าน แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน ขอนแก่น นครพนม เลย สกลนคร หนองคาย และจังหวัดอุดรธานี รวม 188 อำเภอ 1,326 ตำบล 15,203 หมู่บ้าน

3. การให้ความช่วยเหลือของหน่วยงาน

3.1 จังหวัดที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) ทั้ง 15 จังหวัด รายงานว่าได้มอบเครื่องกันหนาวให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยได้รับการสนับสนุนผ้าห่มกันหนาวจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) สมาคม มูลนิธิ ไปแล้ว รวม 235,398 ชิ้น

3.2 บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้ให้การสนับสนุนผ้าห่มกันหนาว จำนวน 200,000 ผืน เพื่อแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ 15 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครพนม สกลนคร หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ นครราชสีมา เชียงราย น่าน ลำปาง เชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน

4. สิ่งของพระราชทานช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว

กองงานพระวรชายาฯ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงโปรดให้ผู้แทนพระองค์ เดินทางไปมอบถุงพระราชทานแก่ราษฎรที่ประสบภัยหนาวในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพชรบูรณ์ ขอนแก่น สกลนคร ลำพูน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน และจังหวัดพะเยา ในระหว่างวันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2553 รวม จำนวน 9,000 ถุง นมอัดเม็ดจิตรลดา 50 กล่อง และนมสด 50 กล่อง

5. การตรวจเยี่ยมประชาชนและติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2553 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล) พร้อมด้วย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทน อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายวิบูลย์ สงวนพงศ์) พร้อมคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมราษฎรและมอบเครื่องกันหนาวในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ และเดินทางไปที่สนามกีฬากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อเป็นประธาน จัดกิจกรรม โครงการเทิดทูนสถาบันสำคัญแห่งชาติ เพื่อสร้างความสมานฉันท์

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ