สรุปสถานการณ์ภัยหนาว ภัยแล้ง และเหตุการณ์การปะทะกันตามแนวชายแดนด้านจังหวัดศรีสะเกษ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 9, 2011 15:49 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลสรุปสถานการณ์ภัยหนาว ภัยแล้ง และเหตุการณ์การปะทะกันตามแนวชายแดนด้านจังหวัดศรีสะเกษของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้

สาระสำคัญของเรื่อง

สรุปสถานการณ์ภัยหนาว และการให้ความช่วยเหลือ (ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2553 — 7 กุมภาพันธ์ 2554)

1. การคาดหมายลักษณะอากาศ (ระหว่างวันที่ 6 - 12 กุมภาพันธ์ 2554)

1.1 กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายลักษณะอากาศว่า ในช่วงวันที่ 6 - 10 กุมภาพันธ์ 2554 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ แต่บริเวณตอนบนของประเทศไทยยังคงมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทย จะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง ส่วนอ่าวไทย มีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 11 - 12 กกุมภาพันธ์ 2554 จะมีบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นระลอกใหม่จากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนเกิดขึ้นได้

1.2 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้ให้พร้อม เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันต่อเหตุการณ์

2. การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาวของกระทรวงมหาดไทย

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาว ปี พ.ศ. 2553 - 2554 ของจังหวัดขึ้น ณ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในเขตพื้นที่ พร้อมทั้งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบประจำศูนย์ฯ เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสภาวะอากาศหนาวเย็นที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทย ได้จัดตั้งศูนย์รับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว ณ กรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย และที่จังหวัดทุกจังหวัดด้วย

3. สถานการณ์ภัยหนาว (ระหว่างวันที่ 1 พ.ย. 2553 — 7 ก.พ. 2554)

ในขณะนี้ได้รับรายงานจังหวัดที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) เนื่องจาก มีสภาพอากาศหนาว (อุณหภูมิ 8.0 - 15.9 องศาเซลเซียส) ถึงหนาวจัด (อุณหภูมิต่ำกว่า 8.0 องศาเซลเซียส) จำนวน 37 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ตาก น่าน แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่นชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บุรีรัมย์ มุกดาหาร มหาสารคาม ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ สุรินทร์ สกลนคร หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ฉะเชิงเทรา และจังหวัดราชบุรี รวม 508 อำเภอ 4,093 ตำบล 50,669 หมู่บ้าน

4. การให้ความช่วยเหลือ

4.1 จังหวัดมีเงินทดรองราชการตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 ในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดสำหรับจัดซื้อผ้าห่มและเครื่องกันหนาวที่จำเป็นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย เมื่ออุณหภูมิอยู่ในเกณฑ์อากาศหนาว (8.0 - 15.9 องศาเซลเซียส) ถึงหนาวจัด (ต่ำกว่า 8.0 องศาเซลเซียส) ในวงเงินจังหวัดหนึ่งไม่เกิน งบประมาณปีละ 1,000,000 บาท แต่ทั้งนี้หากเงินฉุกเฉินดังกล่าวไม่เพียงพอ จังหวัดสามารถแจ้งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอยกเว้นหลักเกณฑ์ เพื่อขอขยายวงเงินทดรองราชการได้อีกตามความเหมาะสมและจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาท ซึ่งมีจังหวัดได้ขอขยายวงเงินแล้ว จำนวน 4 ครั้ง รวม 29 จังหวัด เป็นเงินรวม 897,837,180 บาท

4.2 กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง ได้อนุมัติขยายวงเงิน/ยกเว้นหลักเกณฑ์ ดังนี้

1) ครั้งแรก และครั้งที่ 2 ให้ 16 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ลำพูน อุดรธานี แม่ฮ่องสอน สกลนคร แพร่ เชียงใหม่ หนองคาย สุรินทร์ กาฬสินธุ์ มุกดาหาร เลย อุบลราชธานี บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และจังหวัดพะเยา ที่ขอยกเว้นการปฏิบัตินอกเหนือหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 ข้อ 5.1.18 โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถใช้จ่ายเงิน ทดรองราชการในอำนาจ (งบ 50 ล้านบาท) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อเครื่องกันหนาวสงเคราะห์ราษฎรในพื้นที่ที่ได้ประกาศให้เป็น พื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ได้เท่าที่จ่ายจริงผืนละไม่เกิน 180 บาท ภายในวงเงินรวมทั้งสิ้น 481,740,120 บาท

2) ครั้งที่ 2 อนุมัติให้ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ ตาก มหาสารคาม และจังหวัดนครราชสีมา อนุมัติขยายวงเงินรวม 181,835,940 บาท

3) ครั้งที่ 3 อนุมัติให้ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์ นครพนม อำนาจเจริญ และจังหวัดร้อยเอ็ด อนุมัติขยายวงเงินรวม 107,693,250 บาท

4.3 จังหวัดที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) ทั้ง 37 จังหวัด รายงานว่าได้มอบเครื่องกันหนาวให้แก่ประชาชนที่ขาดแคลนในพื้นที่ โดยได้รับการสนับสนุนผ้าห่มกันหนาวจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เครือเจริญโภคภัณฑ์ สมาคม มูลนิธิ ไปแล้ว รวม 670,035 ชิ้น

4.4 บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้ให้การสนับสนุนผ้าห่มกันหนาว จำนวน 200,000 ผืน เพื่อแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ 15 จังหวัด

4.5 หอการค้าไทย-จีน และสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย ได้มอบผ้าห่มช่วยเหลือภัยหนาว จำนวน 2,000 ผืน ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2553 โดยกระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยงานกลางในการนำผ้าห่มกันหนาวไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ต่าง ๆ

4.6 บริษัท ซีพี จำกัด (มหาชน) (เครือเจริญโภคภัณฑ์) ได้ให้การสนับสนุนผ้าห่มกันหนาว จำนวน 50,000 ผืน มูลค่า 12.5 ล้านบาท ซึ่งจัดซื้อจากกลุ่มแม่บ้านผู้ผลิตผ้าห่มนวม จังหวัดสกลนครตามนโยบายส่งเสริมอาชีพและช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นของกระทรวงมหาดไทย และได้มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล) เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2553 เพื่อแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว ในพื้นที่ 10 จังหวัด

4.7 การช่วยเหลือประชาชนของกองทัพไทย

  • นพค. 24 ร่วมกับ สมาคมสโมสรวัฒนธรรมหญิงในพระบรมราชินูปถัมภ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นำผ้าห่มและเครื่องนุ่งห่มกันหนาวไปมอบให้กับประชาชนผู้ประสบภัยหนาว ที่จังหวัดมุกดาหาร จำนวน 250 ชุด และจังหวัดหนองคาย จำนวน 50 ผืน

5. สิ่งของพระราชทานช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว

5.1 สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ได้นำชุดธารน้ำใจพระราชทาน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่จังหวัดตาก จำนวน 800 ชุด

5.2 กองงานพระวรชายาฯ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงโปรดให้ผู้แทนพระองค์ เดินทางไปมอบถุงพระราชทานแก่ราษฎรที่ประสบภัยหนาวในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน พะเยา เพชรบูรณ์ แม่ฮ่องสอน ลำพูน แพร่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครพนม บุรีรัมย์ เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สุรินทร์ หนองคาย อุดรธานี และจังหวัดอุบลราชธานี รวมจำนวน 22,800 ถุง นมอัดเม็ดจิตรลดา 1,000 กล่อง และนมสดจิตรลดา 1,000 กล่อง

สรุปสถานการณ์ภัยแล้ง และการให้ความช่วยเหลือ (ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2553 — 7 กุมภาพันธ์ 2554)

1. พื้นที่ประสบภัย 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย ลำพูน พะเยา อุดรธานี เลย ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ฉะเชิงเทรา ตราด และจังหวัดจันทบุรี รวม 70 อำเภอ 429 ตำบล 4,545 หมู่บ้าน

2. ความเสียหาย ได้แก่ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 1,017,259 คน 239,035 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 308,986 ไร่

สรุปเหตุการณ์การปะทะกันตามแนวชายแดนด้านจังหวัดศรีสะเกษ

1. ตามที่ได้เกิดเหตุการปะทะกันตามแนวชายแดนด้าน จ.ศรีสะเกษ บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554 ต่อเนื่องถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2554 และมีกระสุนปืนใหญ่ตกที่บ้านภูมิซรอล หมู่ที่ 2,3,9,10,12,13 ต.เสาธงชัย และบริเวณ หมู่ 5,7,10 ต.รุง อ.กันทรลักษ์ โดยมีราษฎรเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 16 คน (พลเรือน 2 คน ทหาร 14 คน) บ้านเรือนราษฎรเสียหายทั้งหลัง 7 หลัง เสียหายบางส่วน 10 หลัง, อาคารเรียนโรงเรียนบ้านภูมิซรอลเสียหายบางส่วน 2 หลัง, อาคารที่ทำการ อบต.เสาธงชัย หลังคาเสียหายบางส่วน, สวนยางพาราเสียหายประมาณ 50 ไร่ ทั้งนี้ จ.ศรีสะเกษได้อพยพราษฎร รวม 15,638 คน พระภิกษุ 8 รูป ไป ณ จุดรองรับการอพยพ 38 จุด ในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ ศรีรัตนะ ไพรบึง เมืองศรีสะเกษ กันทรารมย์ ขุนหาญ ขุขันธ์ พยุห์ และเบญจลักษ์

2. การให้ความช่วยเหลือ

2.1 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้มอบหมาย นายประทีป กีรติเรขา รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าร่วมสนับสนุนปฏิบัติการช่วยเหลือจังหวัดศรีสะเกษระหว่างวันที่ 5-6 กุมภาพันธ์ 2554 และสนับสนุนรถยนต์ผลิตน้ำดื่ม 2 คัน รถยนต์บรรทุกน้ำขนาดความจุ 5-6 กุมภาพันธ์ 2554 และสนับสนุนรถยนต์ผลิตน้ำดื่ม 2 คัน รถยนต์บรรทุกน้ำขนาดความจุ 6,000 ลิตร 3 คัน ถังน้ำขนาดความจุ 2,000 ลิตร 7 ใบ รถไฟฟ้าส่องสว่าง 2 คัน เต็นท์สนามขนาด 5 คน 300 หลัง พร้อมเจ้าหน้าที่จากศูนย์ ปภ.เขต 5 นครราชสีมา, ศูนย์ ปภ.เขต 7 สกลนคร, และศูนย์ ปภ.เขต 13 อุบลราชธานี รวม 24 นาย สนับสนุนการปฏิบัติการ ณ จุดรองรับการอพยพผู้ประสบภัย ที่ว่าการ อ.กันทรลักษ์ และโรงเรียนบ้านท่าสว่าง ต.โนนสำราญ ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 2554 เป็นต้นไป โดยขึ้นตรงต่อการบังคับบัญชาของ ผวจ.ศรีสะเกษ

2.2 ส.ส.จังหวัดศรีสะเกษเขต 3 สนับสนุนข้าวกล่อง น้ำดื่ม ช่วยเหลือผู้อพยพในเบื้องต้น

2.3 จ.ศรีสะเกษได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติในพื้นที่ หมู่ 2,3,9,10,12,13 ต.เสาธงชัย และหมู่ 5,7,10 ต.รุง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นต้นมา พร้อมจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัย จ.ศรีสะเกษขึ้น ณ ที่ว่าการ อ.กันทรลักษ์ และจัดตั้งศูนย์รับบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อให้ความช่วยเหลือฯ จากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน องค์กรการกุศล และมูลนิธิต่างๆ ณ ศาลากลางจังหวัด และที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ

2.4 จ.ศรีสะเกษได้ให้ความช่วยเหลือ โดยสำนักงาน ปภ.จ. มอบผ้าห่มกันหนาวแก่ผู้อพยพในเบื้องต้น 6,970 ผืน จังหวัดได้มอบหมายให้อำเภอ ร่วมกับ อบต.ในพื้นที่ ตั้งจุดประกอบอาหารเลี้ยงผู้อพยพ 38 จุด การประปาส่วนภูมิภาคตั้งจุดให้บริการน้ำบริโภคและอุปโภค 2 จุด และสนับสนุนเครื่องกรองน้ำประปาดื่ม 2 แท่น, เทศบาลเมืองกันทรลักษ์ และ อปท.ในพื้นที่ สนับสนุนข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม, สนง.เหล่ากาชาด จ.ศรีสะเกษ มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัย 17 ครอบครัวๆ ละ 3,000 บาท และสนง.กาชาดภาค (จังหวัดสุรินทร์) มอบอาหารกระป๋อง 2,000 กระป๋อง ชุดอนามัย 160 ชุด ผ้าห่ม 19 ผืน เสื้อ 40 ตัว

3. สถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ ได้รับรายงานเบื้องต้นว่า เมื่อกลางดึก วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2554 ราษฎรตามหมู่บ้านชายแดน ในพื้นที่อำเภอกาบเชิง ตื่นกลัวข่าวลือว่าจะมีการโจมตีจากทหารกัมพูชา จึงได้อพยพมาอาศัยอยู่ที่ โรงเรียนบ้านคูตัน จำนวน 1,500 คน และที่โรงเรียนบ้านโคกสะอาด ตำบลคูตัน อำเภอกาบเชิง จำนวน 1,000 คน ขณะนี้ จังหวัดสุรินทร์ จัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือราษฎรที่อพยพมาในเบื้องต้นแล้ว พร้อมทั้งได้ประสาน ศูนย์ ปภ.เขต 5 นครราชสีมา และศูนย์ ปภ.เขต ใกล้เคียงเพื่อสนับสนุนทรัพยากรเพิ่มเติม แล้ว

4. สถานการณ์จังหวัดอุบลราชธานี จากสถานการณ์การปะทะตามแนวชายแดน ทำให้มีราษฎร จาก 12 หมู่บ้าน ของตำบลโคกสะอาด อำเภอน้ำขุ่น และราษฎรจากตำบลกุดเสลา รวมทั้งตำบลภูผาหมอก อำเภอกันทรลักษ์ ได้อพยพเข้ามาอยู่ที่ หอประชุมอำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี จำนวนประมาณ 4,000 คน ขณะนี้จังหวัด และอำเภอได้เข้าให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว

5. สถานการณ์ชายแดนในจังหวัดอื่น ได้แก่ จังหวัดบุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี ตราด ไม่มีข้อมูลการปะทะ หรือการอพยพของราษฎร แต่อย่างใด

6. การตรวจเยี่ยมของผู้บังคับบัญชาระดับสูง

  • ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล) พร้อมด้วย ปลัดกระทรวงมหาดไทย (นายวิเชียร ชวลิต) อธิบดีกรมปกครอง (นายมงคล สุระสัจจะ) อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (นายสุรชัย ขันอาสา) และอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายวิบูลย์ สงวนพงศ์) และคณะ ได้เดินทางไปประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อเตรียมการช่วยเหลือผู้อพยพ และตรวจเยี่ยมผู้อพยพที่ได้รับผลกระทบจากการสู่รบ ณ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และวันที่8 กุมภาพันธ์ 2554 ได้ร่วมประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และจังหวัดตราด เพื่อเตรียมการช่วยเหลือราษฎรไทยที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ พร้อมทั้งตรวจเยี่ยมผู้อพยพในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ และแจกถุงยังชีพแก่ผู้อพยพ จำนวน 2,500 ชุดด้วย
  • ในวันนี้ (7 ก.พ.54) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายถาวร เสนเนียม) พร้อมทั้ง นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้อพยพในพื้นที่ ที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ พร้อมทั้งแจกถุงยังชีพแก่ผู้อพยพ

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2554--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ