เรื่อง ร่างนโยบายและยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2555 - 2559)
และร่างยุทธศาตร์การวิจัย (พ.ศ.2555 - 2559) 4 ภูมิภาค
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างนโยบายและยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ.2555 - 2559) และร่างยุทธศาสตร์การวิจัย (พ.ศ. 2555 - 2559) 4 ภูมิภาค ตามที่สำนักคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เสนอ และให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการวิจัย รวมทั้งใช้เป็นกรอบทิศทางในการจัดทำและประเมินข้อเสนอการวิจัยของหน่วยงานภาครัฐที่เสนอของบประมาณในปีต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
วช. รายงานว่าได้จัดทำ “ร่างนโยบายและยุทธศาสตร์ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2555 - 2559) และร่างยุทธศาสตร์การวิจัย (พ.ศ. 2555 - 2559) 4 ภูมิภาค” ซึ่งมีกระบวนการจัดทำอย่างมีขั้นตอน โดยเริ่มจากการจัดทำยุทธศาสตร์การวิจัยในระดับภูมิภาคแบบมีส่วนร่วม 4 ภูมิภาค และนำมาจัดทำเป็นร่างภาพรวมของประเทศ รวมทั้งการประชุมประชาพิจารณ์ร่างฯ เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ภาคประชาชนจากทั่วประเทศ จากหน่วยงานหลักในระบบวิจัยและกระทรวงต่าง ๆ 7 หน่วยงาน ตลอดจนข้อคิดเห็นของคณะกรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติและคณะกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ 12 สาขาวิชาการ ทั้งนี้ ร่างนโยบายและยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2555 - 2559) ได้กำหนดวิสัยทัศน์ของชาติ พันธกิจการวิจัยของชาติ5 ยุทธศาสตร์การวิจัย 26 กลยุทธ์การวิจัย และสามารถกำหนดเป็นกลุ่มเรื่องวิจัยที่ควรมุ่งเน้น 13 กลุ่มเรื่อง ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบด้วยแล้ว ทั้งนี้ ร่างนโยบายและยุทธศาสตร์ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2555 - 2559) มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. กรอบการดำเนินการวิจัยจะเน้นงานวิจัยที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติ (พ.ศ. 2555 — 2559) โดยมีการจัดลำดับความสำคัญและความจำเป็นของแผนงานวิจัยที่สอดรับกับแนวทางการพัฒนาประเทศบนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในขณะที่งบประมาณการวิจัยจะกระจายไปยังหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งในภูมิภาค และมีกลไกกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานวิจัยในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
2. วิสัยทัศน์การวิจัยของชาติ (พ.ศ. 2555 — 2559) ประเทศไทยมีและใช้งานวิจัยที่มีคุณภาพเพื่อการพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน
3. พันธกิจการวิจัยของชาติ (พ.ศ. 2555 — 2559) พัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถในการวิจัยของประเทศให้สูงขึ้น และสร้างฐานความรู้ที่มีคุณค่า สามารถประยุกต์และพัฒนาวิทยาการที่เหมาะสมและแพร่หลาย เกิดการเรียนรู้และต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อให้เกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์และสาธารณะ ตลอดจนเกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยใช้ทรัพยากรและเครือข่ายวิจัยอย่างมีประสิทธิภาพที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 มีนาคม 2554--จบ--