รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 9, 2011 14:18 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบ

และประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2553

คณะรัฐมนตรีรับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ค.ต.ป.) เสนอ ดังนี้

1. รับทราบรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2553

2. รับทราบรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่างๆ ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2553

3. เห็นชอบกับข้อเสนอของ ค.ต.ป. เกี่ยวกับการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการที่ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะ และรายงานให้ ค.ต.ป. ทราบความก้าวหน้าในการดำเนินงานทุก 6 เดือน ต่อ ค.ต.ป. ประจำกระทรวง สำหรับกระทรวง และอ.ค.ต.ป. กลุ่มกระทรวง สำหรับส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีหรือกระทรวง อ.ค.ต.ป. กลุ่มจังหวัด สำหรับจังหวัดตามที่รับผิดชอบ

สาระสำคัญของเรื่อง

ค.ต.ป. ในการประชุมครั้งที่ 4/2553 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2553 ได้พิจารณารายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 แล้วมีความเห็น ดังนี้

รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เห็นชอบกับรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของ ค.ต.ป. ประจำกระทรวง อ.ค.ต.ป. กลุ่มกระทรวง อ.ค.ต.ป. กลุ่มจังหวัด ที่ได้ดำเนินการสอบทานผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการและจังหวัด โดยมีผลสรุปข้อค้นพบ และข้อเสนอแนะ ดังนี้

การตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ

1. การตรวจราชการ

1.1 ผู้ตรวจราชการกระทรวงควรใช้กลไกของระบบการตรวจราชการ ซึ่งมีส่วนช่วยผลักดันให้การดำเนินแผนงาน/โครงการของส่วนราชการต่างๆ ในสังกัดกระทรวงเดียวกันสามารถบูรณาการการทำงานร่วมกันได้ และควรนำบทเรียนที่ได้จากการดำเนินแผนงาน/โครงการในอดีตมาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินโครงการ (ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ ผู้ตรวจราชการกระทรวงต่างๆ)

1.2 การจัดทำแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการเพื่อมุ่งผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้ตรวจราชการกระทรวงเพื่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระดับพื้นที่ การเสนอแผนงาน/โครงการของกระทรวง จึงต้องสามารถบ่งชี้ให้เห็นได้ว่าแผนงาน/โครงการที่คัดเลือกเหล่านั้น สามารถสะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยแห่งความสำเร็จต่อนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดไว้ได้ ทั้งนี้ กระทรวงสามารถนำแผนงาน/โครงการของกระทรวงที่สำนักงบประมาณได้จัดสรรกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินแผนงาน/โครงการที่มีวงเงินงบประมาณสูงมาใช้ประกอบการพิจารณาในการจัดทำแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการฯ ได้ และในการจัดทำแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการฯ ควรเร่งรัดให้แล้วเสร็จตั้งแต่ช่วงต้นปีงบประมาณ (ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพร่วมกับผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ตรวจราชการกระทรวงต่างๆ)

1.3 พัฒนาระบบสารสนเทศเกี่ยวกับการตรวจราชการของทุกกระทรวงให้สามารถเชื่อมโยงกันและสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ เพื่อประโยชน์ในการตรวจติดตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการฯ (ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพร่วมกับผู้ตรวจราชการกระทรวงต่าง ๆ)

2. การตรวจสอบภายใน

2.1 ผู้ตรวจสอบภายในควรให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงทั้งระดับกิจกรรม และระดับหน่วยรับตรวจ เพื่อการจัดทำแผนการตรวจสอบภายในที่มีประสิทธิภาพ สามารถวางแผนการตรวจสอบได้ครอบคลุมส่วนราชการในสังกัดที่มีความเสี่ยงสูง สำหรับแผนการตรวจสอบด้านการดำเนินงานควรให้ความสำคัญกับการคัดเลือกแผนงาน/โครงการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของหน่วยงาน และหรือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล และควรมีการจัดทำแผนปฏิบัติงานในแต่ละกิจกรรม/โครงการให้ครบถ้วนสมบูรณ์ (ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ ผู้ตรวจสอบภายในของส่วนราชการ และจังหวัด)

2.2 จัดฝึกอบรมให้ความรู้และพัฒนาคู่มือการตรวจสอบด้านการดำเนินงาน ทั้งในเรื่องของเทคนิค และวิธีการในตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง (ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ กรมบัญชีกลาง)

3. การควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยง

หัวหน้าส่วนราชการต้องจัดให้มีกิจกรรมการควบคุมที่เหมาะสมและความสอดคล้องกันระหว่างลักษณะของกิจกรรมการปรับปรุงกับระยะเวลาในการดำเนินการแล้วเสร็จ เพื่อป้องกันหรือลดความเสียหาย ความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน โดยควรมีการวิเคราะห์จำแนกภารกิจสำคัญของส่วนราชการ และกระบวนงานหรือแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ว่ามีจุดอ่อนหรือความเสี่ยงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อความสำเร็จหรือไม่อย่างไร เพื่อให้การดำเนินการควบคุมภายในเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ได้ (ผู้รับผิดชอบดำเนินการ ได้แก่ ปลัดกระทรวง อธิบดี และผู้ว่าราชการจังหวัด)

4. การปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ

ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับรายละเอียดตัวชี้วัด “ระดับความสำเร็จของการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA)” ด้วยการจัดคลินิกเคลื่อนที่เพื่อการให้คำปรึกษาแนะนำแก่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของจังหวัดอย่าง ต่อเนื่องต่อไป (ผู้รับผิดชอบดำเนินการ ได้แก่ สำนักงาน ก.พ.ร.)

5. รายงานการเงิน

5.1 เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ข้าราชการที่ปฏิบัติงานด้านการเงินการบัญชี ด้วยการจัดฝึกอบรมการใช้งานในระบบ GFMIS อย่างต่อเนื่อง (ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ กรมบัญชีกลาง)

5.2 พิจารณาให้ส่วนราชการประจำจังหวัดมีอัตรากำลังข้าราชการเพื่อปฏิบัติงานด้านการเงินการบัญชีและการพัสดุอย่างเพียงพอและเหมาะสม (ผู้รับผิดชอบดำเนินการ ได้แก่ ส่วนราชการ และ อ.ก.พ. กระทรวง)

6. การสอบทานกรณีพิเศษ

6.1 โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน

6.1.1 ควรพิจารณาอนุมัติให้คณะอนุกรรมการอำนวยการโครงการและคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการในระดับจังหวัด/กรุงเทพมหานคร สามารถผ่อนผันการอนุมัติโครงการได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้หากหมู่บ้าน/ชุมชนสามารถสร้างกระบวนการเรียนรู้และเข้าใจในแนวทางการดำเนินโครงการที่ชัดเจน และได้มีมติเห็นชอบร่วมกันในการจัดให้มีโครงการโดยเฉพาะการจัดซื้อเครื่องจักรหรือซื้อปัจจัยการผลิต แม้ว่าโครงการในลักษณะดังกล่าวจะขัดกับกรอบ/หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกโครงการที่คณะกรรมการบริหารโครงการกำหนดก็ตาม (ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน)

6.1.2 ควรมีการทบทวนการปฏิบัติงานของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการระดับจังหวัดและกรุงเทพมหานครในทุกพื้นที่ให้สามารถดำเนินการอนุมัติโครงการได้อย่างรวดเร็วและเป็นไปตามกรอบ/หลักเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อให้การพิจารณาอนุมัติโครงการบรรลุผลตามเป้าหมาย ที่วางไว้ (ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน)

6.2 โครงการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล

ควรติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างรอบคอบ และในการดำเนินโครงการควรดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยต้องพิจารณาถึงความพร้อมของแต่ละสถานีอนามัยเป็นหลัก เพื่อให้การยกระดับสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบลสามารถให้บริการประชาชน รวมทั้งสามารถบริหารจัดการด้านต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล (ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข)

6.3 โครงการปรับปรุงสิ่งก่อสร้างด้านแหล่งน้ำเพื่อการถ่ายโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

การดำเนินโครงการควรมีการสำรวจความต้องการของประชาชนเกี่ยวกับการปรับปรุงซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างด้านแหล่งน้ำ ก่อนประชุมปรึกษาหารือร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่รับโอน ซึ่งจะทำให้การจัดสรรงบประมาณในการปรับปรุงสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จทั้งโครงการและเป็นไปตามความต้องการของประชาชน (ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ กรมทรัพยากรน้ำ)

6.4 โครงการความปลอดภัยด้านอาหาร ปี 2553

6.4.1 การดำเนินโครงการควรมีการสำรวจข้อมูลของผู้บริโภคเกี่ยวกับความต้องการการบริโภคอาหารปลอดภัย เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้สร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ (ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด)

6.4.2 จัดอบรมเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ให้มีทักษะในการตรวจประเมินมากขึ้น (ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ กรมปศุสัตว์)

6.5 โครงการความปลอดภัยด้านพืช

ควรนำตัวอย่างจากฟาร์มที่ประสบผลสำเร็จมาเป็นต้นแบบ และควรสร้างความแตกต่างด้านราคาของผลผลิตระหว่างผลผลิตที่มาจากแปลงที่ได้ใบรับรอง GAP กับแปลงที่ไม่ได้ใบรับรอง GAP ด้วยการสร้างสรรค์ตราสัญลักษณ์สินค้าที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับเกษตรกรรายอื่นได้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะสามารถขยายผลให้เกิดความสำเร็จได้อย่างกว้างขวาง(ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร)

6.6 โครงการประกันรายได้เกษตรกร

จัดทำข้อกำหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิการขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการประกันรายได้ ด้วยการกำหนดให้เกษตรกรต้องเพาะปลูกข้าวในแปลงที่ตนมาขอขึ้นทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ๑๕ วัน ถึงจะได้รับสิทธิในการขึ้นทะเบียนเกษตรกร (ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัด)

6.7 โครงการเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยงานในการป้องกันรักษาป่าและสภาพป่า

ควรจัดหางบประมาณรองรับการดำเนินการป้องกันรักษาป่า เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะสามารถช่วยยับยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ และสัตว์ป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ตลอดจนการป้องกันรักษาป่าอนุรักษ์และป่าธรรมชาติอื่นๆ ให้ยังคงสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ต่อไป (ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช)

6.8 โครงการปัจจัยสนับสนุนด้านการศึกษา

ควรกำหนดประเภทของครุภัณฑ์และแจ้งแนวปฏิบัติในการจัดซื้อให้แก่โรงเรียนได้ทราบก่อนการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และควรมีการพิจารณาตรวจสอบสัญญาจัดซื้อที่ต่ำกว่างบประมาณที่ตั้งไว้ด้วย (ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา)

การบริหารความเสี่ยง

เพื่อเป็นการยกระดับธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้นกับแต่ละส่วนราชการ จึงเห็นควรให้ทุกส่วนราชการควรมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นในโครงการสำคัญ ๆ ที่ไดัรับการจัดสรรงบประมาณในปี พ.ศ. 2554 อย่างน้อย 1 โครงการ และต้องกำหนดมาตรการในการจัดการกับความเสี่ยงเหล่านั้น โดยให้ผู้ตรวจสอบภายในของส่วนราชการเป็นผู้ตรวจติดตามการดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดเหล่านั้น แล้วรายงานผลการดำเนินการต่อหัวหน้าส่วนราชการ ค.ต.ป. (ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ ปลัดกระทรวง อธิบดี และผู้ว่าราชการจังหวัด)

รายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่างๆ ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 สรุปได้ดังนี้

1) ผลการประเมินตนเองในภาพรวมของคณะกรรมการฯ รายคณะ พบว่าอยู่ในเกณฑ์ระดับดีเยี่ยม

2) แผนการดำเนินงานในอนาคตของ อ.ค.ต.ป. กลุ่มกระทรวง/กลุ่มจังหวัด และ ค.ต.ป. ประจำกระทรวง

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 มีนาคม 2554--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ