การลงนามใน “พิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน รอบที่ 5

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 23, 2011 17:10 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง การลงนามใน “พิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน รอบที่ 5

ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน”

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ดังนี้

1. เห็นชอบให้เสนอพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน รอบที่ 5 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน เพื่อขอความเห็นชอบจากรัฐสภา ตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรต่อไป

2. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้แทนลงนามในพิธีสารฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในพิธีสารฯ ขอให้ผู้ลงนามสามารถใช้ดุลพินิจในเรื่องนั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

3. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ

4. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือแจ้งเลขาธิการอาเซียน ว่าประเทศไทยได้ดำเนินการตามกระบวนการภายในเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อให้พิธีสารฯ มีผลใช้บังคับ เมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบพิธีสารฯ แล้ว

ข้อเท็จจริง

กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอว่า

1. ที่ผ่านมา อาเซียนได้มีการเจรจาและจัดทำข้อผูกพันเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงินภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียนมาแล้ว 4 รอบ ภายใต้หลักการว่าข้อผูกพันประเทศสมาชิกนั้นมีระดับความผูกพันเปิดเสรีที่เพิ่มขึ้นจากที่ได้ผูกพันไว้แล้วในการเปิดเสรีการค้าบริการภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (GATS Plus Commitments) ทั้งนี้การเจรจารอบที่ 5 ได้เริ่มขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2551

2. ในการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ 13 ในปี 2550 ผู้นำอาเซียนได้ลงนามในปฏิญญาว่าด้วยแผนงานการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน [ASEAN Economic Community Blueprint (AEC Blueprint)] โดยอาเซียนมีข้อผูกพันที่จะต้องเปิดเสรีบริการด้านการเงินในสาขาย่อยที่ผูกพันไว้ใน AEC Blueprint ดังกล่าวภายในปี 2558 (ยกเว้นรายการที่ของสงวนไว้ใน Safeguard List ที่ประเทศสมาชิกสามารถคงไว้ได้ภายหลังปี 2558) และเปิดเสรีในสาขาที่เหลือภายในปี 2563 (ยกเว้นรายการที่ของสงวนไว้ใน Safeguard List ที่ประเทศสมาชิกสามารถคงไว้ได้ภายหลังปี 2558) และเปิดเสรีในสาขาที่เหลือภายในปี 2563 (ยกเว้นรายการที่ของสงวนไว้ใน Safeguard List ภายหลังจากปี 2563)

3. ประเทศไทยได้ผูกพันการเปิดตลาดบริการด้านการเงินภายในปี 2548 ในสาขาย่อย 4 สาขา ได้แก่ (1) การค้าเพื่อบัญชีของตนหรือบัญชีของลูกค้า (Trading for own account of customers) (2) การบริหารสินทรัพย์ (Asset Management) (3) การบริการชำระราคาและส่งมอบสำหรับสินทรัพย์ทางการเงิน (Settlement and Clearing services for financial assets) และ (4) การให้คำปรึกษาและบริการเสริมอื่น ๆ ด้านการให้บริการทางการเงิน (Advisory, intermediation and other auxiliary financial services)

4. คณะทำงานเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงินภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน [Working Committee on Financial Services Liberalization under the ASEAN Framework Agreement on Services (WC-FSL/AFAS)] จึงได้เจรจาเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงินในรอบที่ 5 ตามกรอบที่ได้ผูกพันใน AEC Blueprint ดังกล่าว โดยเริ่มการเจรจาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2551 และสิ้นสุดการเจรจาเมื่อเดือนธันวาคม 2553 ซึ่งในการเจรจารอบ 5 นี้ ไทยได้ตกลงที่จะผูกพันเพิ่มเติมขึ้นจากรอบที่ 5 ให้กับสมาชิกอาเซียนในสาขาธุรกิจหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นรายการที่ไทยมีความพร้อม มีศักยภาพในการแข่งขันและมีระบบกำกับดูแลที่ครอบคลุม รวมทั้งสามารถผูกพันได้โดยไม่ต้องแก้ไขกฎหมาย

5. ทั้งนี้ในการประชุม WC-FSL/AFAS ครั้งที่ 30 เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบร่าง “พิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน รอบที่ 5 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน” และจะนำเสนอที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการคลังและธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN Finance and Central Bank Deputies Meeting : AFDM) พิจารณานำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนลงนามในการประชุม AFMM ครั้งที่ 15 ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2554

สาระสำคัญของเรื่อง

1. ร่างพิธีสารดังกล่าวมีสาระสำคัญเช่นเดียวกับพิธีสารฉบับที่ 4 ที่ได้ลงนามไปแล้ว กล่าวคือ ขยายความร่วมมือด้านการค้าบริการระหว่างประเทศสมาชิกโดยลด/ยกเลิกข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าบริการภายใต้กรอบอาเซียนให้มากกว่าที่เปิดเสรีตามความตกลงทั่วไปว่าด้วยการค้าบริการ [General Agreement on Trade in Services (GATS)] ภายใต้ WTO และประเทศสมาชิกที่เป็นสมาชิก WTO จะต้องให้สิทธิประโยชน์ตามข้อผูกพันรายสาขาภายใต้ GATS ต่อประเทศสมาชิกอาเซียนที่มิใช่สมาชิก WTO ด้วย นอกจากนี้ ประเทศสมาชิกจะให้สิทธิประโยชน์ตามตารางข้อผูกพันตามภาคผนวกของพิธีสารดังกล่าวแก่ประเทศสมาชิกอื่น ตามหลักการให้การประติบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง [Most-Favored Nation Treatment (MFN)] ซึ่งพิธีสารฯ จะมีผลบังคับใช้ใน 90 วันหลังจากวันที่มีการลงนาม โดยประเทศสมาชิกจะดำเนินการตามกระบวนการภายในประเทศในการให้สัตยาบันพิธีสารดังกล่าวและมีหนังสือแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียน หากประเทศสมาชิกใดไม่สามารถดำเนินการได้ภายใน 90 วัน หลังจากวันที่มีการลงนาม สิทธิและพันธกรณีตามที่ได้ผูกพันภายใต้พิธีสารดังกล่าวจะเริ่มในวันแรกถัดจากวันที่มีหนังสือแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียน

อย่างไรก็ดี ร่างพิธีสารดังกล่าวมีข้อแตกต่างจากพิธีสารที่ได้ลงนามไปแล้วในส่วนของภาคผนวก กล่าวคือ ในพิธีสารฯ ฉบับที่ 1-4 นั้นจะมีภาคผนวกเป็นตารางข้อผูกพันเฉพาะส่วนที่เพิ่มเติมจากที่เคยผูกพันไว้เดิม ในขณะที่ในร่างพิธีสารฯ ฉบับที่ 5 นี้จะมีภาคผนวกเป็นตารางรวมข้อผูกพันทั่วไป ข้อผูกพันเฉพาะภายใต้ GATS และข้อผูกพันภายใต้กรอบอาเซียนรอบที่ 1-5

2. ข้อผูกพันของไทยที่เพิ่มเติมในรอบที่ 5 ภายใต้พิธีสารดังกล่าว ได้แก่ สาขาหลักทรัพย์ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งที่ไทยผูกพันการเปิดตลาดภายในปี 2558 ภายใต้ AEC Blueprint ดังนี้

2.1 ขยายประเภทให้ครอบคลุมทุกประเภทธุรกิจสำหรับการเข้ามาถือหุ้นในบริษัทเดิมที่มีอยู่แล้ว แต่ยังไม่ผูกพันการเปิดเสรีใบอนุญาตใหม่ ในสาขาย่อยการค้าเพื่อบัญชีของตนหรือบัญชีของลูกค้า

2.2 สาขาย่อยการมีส่วนร่วมในเรื่องที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ทุกชนิด

2.3 ธุรกิจจัดการกองทุน (Asset Management) ที่ได้ผูกพันในธุรกิจ Collective Investment Schemes

2.4 สาขาอื่น ๆ การให้คำปรึกษาและบริการเสริมอื่น ๆ ด้านการให้บริการการเงิน

นอกจากนี้ ได้มีการปรับปรุงข้อจำกัดในการเข้ามาทำงานของบุคลากรต่างชาติ โดยกำหนดให้ต้องเป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 มีนาคม 2554--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ