เรื่อง รายงานการดำเนินการบริหารสถานการณ์เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัยด้านการแพทย์และการสาธารณสุข
กรณีอุทกภัย และ โรค มือ เท้า ปาก
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานการดำเนินการบริหารสถานการณ์เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัยด้านการแพทย์และการสาธารณสุข กรณีอุทกภัย และ โรค มือ เท้า ปาก (ข้อมูล ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2554 เวลา 10.00 น.) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอดังนี้
1. สถานการณ์ทั่วไป มีจังหวัดประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินจำนวน 36 จังหวัด ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยทั้งสิ้น 13 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ นครนายก อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ชัยนาท อุบลราชธานี ระนอง สุราษฎร์ธานี พังงา และภูเก็ต
จังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว จำนวน 21 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน กำแพงเพชร ลำปาง แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก เพชรบูรณ์ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ นครพนม สกลนคร มุกดาหาร เลย บึงกาฬ หนองคาย อุดรธานี ประจวบคีรีขันธ์ และปราจีนบุรี
สำหรับจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรง จำนวน 6 จังหวัด คือ เชียงราย ระยอง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสุราษฎร์ธานี นั้น ปัจจุบันสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ 2 จังหวัด คือ เชียงราย และระยอง และอีก 4 จังหวัด สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย
กรมอุตุนิยมวิทยายังคงเตือนให้ระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลุ่มและที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านใน 25 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย น่าน ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
2. สถานบริการสาธารณสุขที่ได้รับผลกระทบ รพท.1 รพช.5 รพสต.41 สสอ.2 ศูนย์เขต 1 รวม 50 แห่ง
โรงพยาบาลป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งประสบอุทกภัยจากน้ำฝน เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2554 เวลา 08.00 น. เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่ออาคารโรงพยาบาล จำนวน 6 หลัง รวมทั้งเกิดความเสียหายต่อเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าในบางอาคาร ครุภัณฑ์ ยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์สำนักงานได้รับความเสียหายจำนวนมาก ขณะนี้อยู่ในระหว่างการประเมินมูลค่าความเสียหาย และจัดทำแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาในระยะยาว สำหรับการรับบริการผู้ป่วยยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ทั้งหมด เนื่องจากบางอาคารระบบกระแสไฟฟ้าขัดข้องยังใช้งานไม่ได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยหนัก และผู้ป่วยในบางประเภท ซึ่งโรงพยาบาลได้มีระบบคัดกรองและส่งต่อไปรับบริการที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และโรงพยาบาลถลาง
3. การบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ จำนวนรวม 467 ครั้ง รวมจำนวนผู้รับบริการสะสม 58,423 ราย โรคที่พบ 5 อันดับแรก ได้แก่ น้ำกัดเท้า ไข้หวัด ปวดกล้ามเนื้อ โรคผิวหนัง และอาการปวดศีรษะ นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วยที่มีอาการเครียด ความดันโลหิตสูง บาดแผลจากอุบัติเหตุ และถูกงูพิษกัดเพิ่มขึ้น ยังไม่พบการระบาดของโรค การประเมินปัญหาสุขภาพจิตรวมสะสม 4,468 ราย พบว่ามีความเครียดสูง 269 ราย มีภาวะซึมเศร้า 1,015 ราย มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย 128 ราย และต้องติดตามดูแลพิเศษ 144 ราย
4. ยอดผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์อุทกภัย มีจำนวนรวม 50 ราย สาเหตุจาก จมน้ำเสียชีวิต 39 ราย ดินสไลด์ทับ 8 ราย ต้นไม้ล้มทับ 2 ราย และไฟฟ้าช็อต 1 ราย สูญหาย 1 ราย
5. กระทรวงสาธารณสุขสั่งการและการสนับสนุนยาและเวชภัณฑ์ สถานบริการดำเนินการ 4 แผน คือ แผนป้องกันโรงพยาบาล แผนสำรองทรัพยากร แผนส่งต่อผู้ป่วย และแผนการปรับระบบบริการหากเกิดน้ำท่วม
5.1 สนับสนุนยาและเวชภัณฑ์จากส่วนกลาง ยอดสะสม ยาชุดช่วยผู้ประสบภัย 310,500 ชุด ยาตำราหลวง 20,000 ชุด และยาแก้น้ำกัดเท้า จำนวน 43,000 ชุด เซรุ่มแก้พิษงู (งูเห่า 100 หลอด งูแมวเซา 100 หลอด งูเขียวหางไหม้ 100 หลอด) สำหรับส่วนกลางขณะนี้มีสำรองชุดช่วยผู้ประสบภัย เพิ่มเติม 500,000 ชุด วัสดุ ยาแก้น้ำกัดเท้า 100,000 หลอด เชียงใหม่ พิษณุโลก อุดรธานี และหาดใหญ่สำรองแห่งละ 30,000 ชุด สำรองเซรุ่มแก้พิษงู 7 ชนิด (งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม งูแมวเซา งูเขียวหางไม้ งูกะปะ และงูทับสมิงครา) จำนวน 3,500 ชุด สำรองวัสดุ และเคมีภัณฑ์สำหรับการฟื้นฟูสภาพและสิ่งแวดล้อม ให้กับศูนย์อนามัยและสำนักงานควบคุมโรค 12 เขต 14 รายการ
5.2 การติดตามเฝ้าระวังในพื้นที่เห็นว่า ควรแจ้งเตือนภัยสถานบริการสาธารณสุข ในระยะนี้โดยการโทรศัพท์ประสานกับสถานบริการสาธารณสุขของจังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงโดยตรง และการออกหนังสือแจ้งเวียนให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ระดับสูงขึ้นและป้องกันสถานบริการ หากมีแผนอยู่แล้วให้ทบทวนแผนป้องกันโรงพยาบาลให้พร้อมนำมาใช้งานและเฝ้าระวังระดับน้ำอย่างใกล้ชิด
5.3 การเผยแพร่แนวทางการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยของโรงพยาบาลที่เคยประสบปัญหาและได้จัดทำแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ซึ่งกันและกัน
6. การดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในระยะเร่งด่วน โดยในการติดตามนายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมพื้นที่ จ.พิษณุโลก และติดตาม “บางระกำโมเดล” ของผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดตั้งทีมเฝ้าระวังโรค พร้อมจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการประชาชน และมีการบูรณาการความร่วมมือจากส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการปฏิบัติงานโดยใช้หลัก 2P 2R เป็นกรอบแนวทางในการแก้ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ที่ถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลานานเพื่อให้สามารถปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยเชิงพื้นที่ด้านการแพทย์และการสาธารณสุขในพื้นที่อื่นๆ ดังนี้
(1) Preparation การเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันน้ำท่วมสถานบริการ ป้องกันความเสียหายต่อเครื่องมือ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ การสำรองยาและเวชภัณฑ์ การเตรียมความพร้อมบุคลากรและการช่วยเหลือให้ผู้บริการผู้ป่วย ด้วยระบบการแพทย์ฉุกเฉิน และการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัยด้านการแพทย์และการสาธารณสุข
(2) Prevention การป้องกัน โดยเป็นการป้องกันระยะยาวหลังประสบอุทกภัย ได้แก่ การประเมินและสรุปบทเรียนสำหรับเหตุการณ์อุทกภัย การวางแผนการปรับปรุงอาคารให้สูงกว่าระดับน้ำที่เคยท่วม รวมทั้งการประเมินสภาวะสุขภาพจิตของประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
(3) Response การปฏิบัติช่วยเหลือ โดยการจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการประชาชนและผู้ป่วยในพื้นที่ประสบอุทกภัย
(4) Recovery การช่วยเหลือฟื้นฟู โดยมีแผนฟื้นฟูระยะหลังน้ำท่วม ได้แก่ การทำความสะอาดปรับปรุงคุณภาพน้ำดื่มน้ำใช้ การปรับปรุงสภาพสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม การควบคุมโรคระบาดที่เกิดขึ้นหลังน้ำท่วม รวมถึงการฟื้นฟูสุขภาพ และจิตใจของผู้ประสบอุทกภัย
การดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข
ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ.2554 กระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการเพื่อประสานงานและเร่งรัดการป้องกันควบคุมโรคมือ เท้า ปาก และภายหลังการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้กำชับ เร่งรัดมาตรการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ดังนี้
1. ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานคร เร่งรัดมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันโรค รวมทั้งการประสานงานให้คำแนะนำแก่สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสื่อสาร เผยแพร่คำแนะนำแก่ประชาชน
2. แจ้งกระทรวงศึกษาธิการ ขอความร่วมมือในการป้องกันและควบคุมโรคในสถานศึกษา โดยเฉพาะโรงเรียนอนุบาลและศูนย์เด็กเล็ก
3. สื่อสาร เผยแพร่คำแนะนำการป้องกันและควบคุมโรค ผ่านช่องทางสื่อสารสาธารณะ
4. ติดตามสถานการณ์ ประสานสั่งการและสนับสนุน การป้องกันและควบคุมโรค ในประเทศ ระหว่างหน่วยงานในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคอย่างใกล้ชิด โดนศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขของกระทรวงสาธารณสุข
สรุป
1. ในขณะนี้โรคมือ เท้า ปาก ซึ่งเป็นโรคติดต่อในเด็กเล็ก กำลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในหลายประเทศในเอเชีย รวมทั้งประเทศไทย คาดว่าปีนี้จะมีเด็กป่วยและเสียชีวิตมากกว่าปีก่อน ๆ
2. กระทรวงสาธารณสุขได้ประสานสั่งการ เร่งรัด การป้องกันและควบคุมโรคทั่วประเทศ โดยขอความร่วมมือจากหน่วยราชการและหน่วยงานภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงศึกษาธิการ และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และกำลังติดตามสถานการณ์ เพื่อประสานสนับสนุนการป้องกันและควบคุมโรคอย่างใกล้ชิด
3. กระทรวงสาธารณสุขขอการสนับสนุนจากคณะรัฐมนตรีในการมอบหมายกำชับให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมมือและสนับสนุนการป้องกันและควบคุมโรค เพื่อลดการป่วยและเสียชีวิตจากโรคมือ เท้า ปาก ของเด็กในประเทศไทย ให้ได้ผลดีที่สุด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 30 สิงหาคม 2554--จบ--