คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานสรุปการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยด้านการแพทย์และการสาธารณสุขตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
1. ภาพรวมการดำเนินงานการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยด้านการแพทย์และการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงสาธารณสุข จัดระบบการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดต่างๆ เป็น 3 กลุ่ม ตามสถานการณ์ ได้แก่
1) จังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว กำลังดำเนินการฟื้นฟูเยียวยา มี 37 จังหวัด
2) จังหวัดซึ่งยังมีน้ำท่วม 26 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร อุบลราชธานี ขอนแก่น ศรีสะเกษ สุรินทร์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี และกรุงเทพมหานคร
3) จังหวัดซึ่งสถานการณ์ยังอยู่ขั้นวิกฤติ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานีและจังหวัดซึ่งกำลังเข้าสู่ภาวะฉุกเฉิน ได้แก่ นครปฐม และ สมุทรสาคร
การช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุข
1. ด้านการแพทย์
1) การบริการประชาชนในหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ จำนวนรวม 7,740 ครั้ง รวมผู้รับบริการสะสม 853,406 ราย โรคที่พบบ่อย ได้แก่ น้ำกัดเท้า ปวดกล้ามเนื้อ ไข้หวัด โรคผิวหนัง และปวดศีรษะ
2) ตั้งโรงพยาบาลสนาม จำนวน 17 แห่ง ในจังหวัดซึ่งมีน้ำท่วมบริเวณกว้าง และโรงพยาบาลประจำจังหวัดถูกน้ำท่วม เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคทั่วไป โรคเรื้อรัง และอุบัติเหตุฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง จำนวนผู้รับบริการรวม 11,386 ราย
3) เยี่ยมผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ซึ่งติดอยู่ตามบ้าน (อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจากจังหวัด)
สำหรับกรุงเทพมหานคร เปิดโรงพยาบาลสนาม 1 แห่งที่ศูนย์พักพิงมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร เริ่มวันที่ 30 ตุลาคม 2554 และ วันที่ 31 ตุลาคม 2554 ได้จัดทีมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ 7 ทีม บริการในเขตหลักสี่ ดอนเมือง บางพลัด ทวีวัฒนา และโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานีเป็นหน่วยประสาน ช่วยเหลือด้านการแพทย์ พื้นที่ตะวันออกของกรุงเทพมหานคร
2. ด้านการเฝ้าระวังและควบคุมโรคระบาด
1) ประเมินความเสี่ยงของการเฝ้าระวังและควบคุมโรค ในศูนย์พักพิง 12 จังหวัด 72 จุด
2) ข้อมูลการรายงานเฝ้าระวังโรคในศูนย์พักพิง 10 จังหวัด ดังนี้ อุจจาระร่วงหรืออาหารเป็นพิษ 57 ราย ไข้หวัด / สงสัยไข้หวัดใหญ่ 277 ราย ตาแดง 6 ราย ไม่พบแนวโน้มของการระบาด
3) ดำเนินกิจกรรมการควบคุมโรคที่ศูนย์พักพิงร่วมกับจังหวัดและกรุงเทพมหานคร
3. ด้านสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ 1) ผลิตชุดป้องกันโรคด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม “นายสะอาด” 2) ส่งทีมกรมอนามัยเข้าศูนย์พักพิงทุกแห่งในกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่างๆ
4. ด้านสุขภาพจิต
1) กรมสุขภาพจิต ได้ออกหน่วยแพทย์เยียวยาจิตใจผู้ประสบภัยน้ำท่วม ร่วมกับทีมสาธารณสุขจังหวัด ได้ปฏิบัติงานในพื้นที่ประสบภัย 37 จังหวัด เยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว 310 ครอบครัว ขณะนี้ได้คัดกรองปัญหาสุขภาพจิต จำนวน 108,382 ราย เครียดสูง 5,457 ราย ได้ให้ยาทางจิตเวช 4,687 ราย
2) ปฏิบัติงานในศูนย์พักพิง 15 แห่ง โดยจัดบริการดังนี้ ตรวจสุขภาพจิต ค้นหากลุ่มเสี่ยง ปฐมพยาบาล ด้านจิตใจ ให้คำปรึกษารายบุคคลและรายกลุ่ม ทำกิจกรรมกลุ่ม สร้างความเข้มแข็งด้านจิตใจ ฝึกผ่อนคลายความเครียด ฝึกหายใจและนวดคลายเครียด
5. ศูนย์พักพิง สำหรับประชาชนที่อพยพ กระทรวงสาธารณสุขจัดกลุ่มศูนย์พักพิงเป็น 3 กลุ่ม เพื่อการบริหารจัดการและช่วยเหลือตามจำนวนผู้อยู่อาศัย
1) ศูนย์ขนาดใหญ่ จำนวนประชาชน มากกว่า 1,000 คน มีหน่วยแพทย์รวม 15 ทีม
2) ศูนย์ขนาดกลาง จำนวนประชาชน 500-1,000 คน มีหน่วยแพทย์รวม 28 ทีม
3) ศูนย์ขนาดเล็ก จำนวนประชาชน 300-500 คน มีหน่วยแพทย์รวม 105 ทีม6. การสนับสนุนยาและเวชภัณฑ์ ยาชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย 1,554,750 ชุด ยาตำราหลวง 104,500 ชุด ยาทาแก้น้ำกัดเท้า 259,500 ตลับ
7. การสนับสนุนอุปกรณ์ต่างๆ เตียงพับ 170 เตียง เปลพับ 112 ชุด เตียงสนามเคลื่อนย้ายผู้ป่วย 21 เตียง ชุดกรองน้ำ 2,354 ชุด เสื้อชูชีพ 5,552 ตัว เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ 73 ลำ เรือพายพลาสติก 485 ลำ เรือพายไฟเบอร์ 201 ลำ
2. การดำเนินการป้องกันปัญหาขาดแคลนยาและเวชภัณฑ์ในสถานการณ์อุทกภัย
กระทรวงสาธารณสุข ติดตาม เฝ้าระวัง สนับสนุนยาเวชภัณฑ์ ให้เพียงพอรองรับสถานการณ์อุทกภัย โดยเฉพาะยาในบัญชียาหลัก ซึ่งโรงพยาบาลทุกแห่งต้องใช้เหมือนกัน บางรายการใช้ในการรักษาเพิ่มมากขึ้น เช่น ยาปฏิชีวนะ บางรายการอาจขาดแคลน เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิต ยาและเวชภัณฑ์ ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย กระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และองค์การเภสัชกรรม ดำเนินการตามแผนป้องกันปัญหาขาดแคลนยาเวชภัณฑ์ ดังนี้
1) ว่าจ้างผู้ผลิตยารายอื่นทดแทนเป็นการชั่วคราวจนกว่าโรงงานจะกลับมาผลิตได้อีกครั้ง โดยตำรับยาที่จะผลิตนั้นต้องมีสูตร ฉลาก เอกสารกำกับยา ขนาดบรรจุเอกสาร การควบคุมคุณภาพและรายละเอียดอื่น ๆ เหมือนกับทะเบียนกำกับยาที่ผลิตเดิม แต่ให้ผ่อนผันการส่งข้อมูลการตรวจสอบความถูกต้องของกระบวนการผลิตและการศึกษาความคงสภาพยาภายหลัง
2) การนำเข้ายาบางรายการโดยเจ้าของผลิตภัณฑ์ได้ว่าจ้างโรงงานผลิตยาให้แต่โรงงานดังกล่าวถูก น้ำท่วมเสียหายโดยประสงค์ที่จะนำเข้ายาจากต่างประเทศมาทดแทนยาที่ผลิต โดยมอบให้ องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้ ทำการสั่งยาเพื่อทดแทนในรายการที่ผลิตไม่ได้
3) การจัดส่งยา ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ขอความร่วมมือจาก บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เข้ามาร่วมในการจัดส่งและกระจายยาไปยังพื้นที่เป้าหมายทั่วทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
3. การดำเนินการด้านการแพทย์และการสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในสถานการณ์อุทกภัย
1) การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหนักจากสถานบริการทางแพทย์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นมาตรการเร่งด่วน ที่ต้องดำเนินการในทันที ดังนี้
1.1 นายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการจัดระบบบริการทางการแพทย์ โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน และมีการประชุมติดตาม กำกับและแก้ไขปัญหาการส่งต่อผู้ป่วยทุกวัน
1.2 จัดหาเตียงผู้ป่วยหนักในพื้นที่รอบกรุงเทพมหานคร และพื้นที่รอบนอกให้เพียงพอต่อกับผู้ป่วยหนักที่ต้องเคลื่อนย้ายจากโรงพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
1.3 ประสานกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ดำเนินการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหนักจากกรุงเทพมหานคร ไปยังโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ในส่วนภูมิภาค
1.4 การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้ดำเนินการเร่งด่วนเริ่มวันที่ 25 ตุลาคม 2554 เป็นต้นมา จนถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2554 สามารถเคลื่อนย้ายได้ 395 ราย จากโรงพยาบาลกรุงเทพมหานครทุกสังกัดของ 5 กลุ่ม โรงพยาบาลได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพมหานคร กลุ่มโรงพยาบาลเอกชน กลุ่มโรงพยาบาลเหล่าทัพ กลุ่มโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย และกลุ่มโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและวันที่ 31 ตุลาคม 2554 มีผู้ป่วยหนักรอการเคลื่อนย้ายจำนวน 35 ราย และกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดหาเตียงผู้ป่วยหนักสามารถรองรับได้ 173 เตียง
1.5 การดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าว สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหนักจากโรงพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้สอดคล้องกับสถานการณ์
2) การดูแลผู้อพยพในศูนย์พักพิง
2.1 การดูแลผู้อพยพในศูนย์พักพิงในเขตกรุงเทพมหานคร
กระทรวงสาธารณสุขประสานกับกรุงเทพมหานคร จัดหน่วยบริการสาธารณสุข ที่ครอบคลุมการบริการ 4 ด้าน ในศูนย์พักพิงที่จัดตั้งในกรุงเทพมหานคร โดยมอบหมายให้หน่วยบริการสาธารณสุข จากจังหวัดในส่วนภูมิภาคจำนวน 36 หน่วยเข้าร่วมดำเนินการและสามารถเพิ่มเติมหน่วยบริการสาธารณสุขได้ตามสถานการณ์
2.2 จัดหน่วยบริการสาธารณสุขเคลื่อนที่
กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกรุงเทพมหานคร ได้จัดหน่วยบริการสาธารณสุขเคลื่อนที่ ประกอบด้วยการบริการทั้ง 4 ด้าน เคลื่อนที่ไปยังแหล่งชุมชนที่ประสบความเดือดร้อนจากอุทกภัย โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2554 ในพื้นที่ เขตทวีวัฒนา บางพลัด หลักสี่ และดอนเมือง และจุดอื่นในวันต่อไป
2.3 กระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานีเป็นหน่วยประสาน ช่วยเหลือด้านการแพทย์ พื้นที่ตะวันออกของกรุงเทพมหานคร
2.4 การจัดให้ผู้อพยพอยู่ที่ศูนย์พักพิงในต่างจังหวัด
ตามที่รัฐบาลให้ผู้อพยพออกจากพื้นที่กรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด จัดหน่วยบริการสาธารณสุขที่ครอบคลุม 4 ด้าน คือ ด้านการแพทย์ ด้านสุขอนามัย ด้านป้องกันควบคุมโรค ด้านสุขภาพจิต เข้าร่วมดูแลกับจังหวัดที่ได้รับมอบหมาย
2.5 เตรียมโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปในรอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร อาทิ เช่น จังหวัดชลบุรี จังหวัดราชบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดอ่างทอง จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดระยอง และจังหวัดจันทบุรี ให้พร้อมบริการรองรับสถานการณ์ที่รุนแรง สามารถให้บริการแก่ประชาชนจากกรุงเทพมหานครได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 พฤศจิกายน 2554--จบ--