เรื่อง การปรับปรุงแผนการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำของประเทศไทย
สำหรับขอรับการสนับสนุนทางการเงินจาก Clean Technology Fund (CTF)
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการของแผนการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำของประเทศไทยฉบับปรับปรุง สำหรับจัดสรรวงเงินในส่วนของภาครัฐ จำนวน 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้ภาคเอกชนดำเนินการแทนในปีแรก จำนวน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะพิจารณาจัดสรรวงเงินที่เหลือจำนวน 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะต่อไป ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ กค.ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับการสนับสนุนทางการเงินจาก Clean Technology Fund (CTF) ต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
กค.รายงานว่า ประเทศไทยได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก CTF วงเงิน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการจัดสรรแบ่งเป็นการให้การสนับสนุนแก่โครงการภาครัฐวงเงิน 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโครงการภาคเอกชน วงเงิน 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ การกู้เงินในส่วนของภาครัฐเป็นการกู้เงินอัตราดอกเบี้ยต่ำจาก CTF กู้ร่วมกับเงินกู้เงื่อนไขปกติจากธนาคารโลก ส่วนที่เหลืออาจกู้ภายในประเทศ หรือใช้รายได้ของรัฐวิสาหกิจเองโดยรัฐวิสาหกิจเป็นผู้กู้เอง และต้องมี กค.เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ และสำหรับในส่วนของภาคเอกชนเป็นการกู้เงินอัตราดอกเบี้ยต่ำจาก CTF กู้ร่วมกับเงินกู้เงื่อนไขปกติจาก IFC ทั้งนี้ แผนการลงทุนฯ ที่ได้รับความเห็นชอบในหลักการตามมติคณะรัฐมนตรี (3 พ.ย.52)
กค.เห็นว่าการขอรับการสนับสนุนทางการเงินจาก CTF จะช่วยสนับสนุนการดำเนินโครงการด้านพลังงานทดแทนที่ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกของภาคเอกชนซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ภาคเอกชนมีโครงการที่พร้อมจะดำเนินการสามารถเดินหน้าได้โดยเร็วและคล่องตัวกว่าโครงการของภาครัฐที่โครงการของแต่ละหน่วยงานมีความพร้อมไม่เท่ากัน และยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะสามารถดำเนินการได้จริง นอกจากนี้ การดำเนินโครงการด้านพลังงานทดแทนของภาคเอกชน เป็นไปในรูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน (Public Private Partnership : PPP) ซึ่งสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการสนับสนุนการลงทุนด้านพลังงานทดแทน และก่อให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสามารถสร้างรายได้และเพิ่มการจ้างงานก่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 พฤศจิกายน 2554--จบ--