คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับประเด็นอภิปรายตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎหมาย) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน ไปพิจารณาในเรื่องการคำนวณเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ ฯ และวันใช้บังคับของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว มีสาระสำคัญคือ ให้ผู้ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดบำนาญซึ่งได้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญรวมกับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ ฯ แล้วต่ำกว่าเดือนละห้าพันหนึ่งร้อยบาท ให้ได้รับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ ฯ เพิ่มอีกในอัตราเดือนละเท่ากับส่วนต่างของจำนวนเงินห้าพันหนึ่งร้อยบาท หักด้วยจำนวนเบี้ยหวัดหรือบำนาญรวมกับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ ฯ ที่ได้รับอยู่
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังรายงานว่า ปัจจุบันผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญน้อยได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากสภาวะค่าครองชีพในปัจจุบันมีอัตราที่สูงขึ้น สมควรช่วยเหลือผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญน้อยให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยให้มีรายได้ต่อเดือนเท่ากับค่าจ้างขั้นต่ำตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 3) ซึ่งกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในท้องที่จังหวัดกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นเงินวันละ 170 บาท (เดือนละ 5,100 บาท) ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณในการนี้ประมาณปีละ 1,086 ล้านบาท จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548--จบ--
ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว มีสาระสำคัญคือ ให้ผู้ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดบำนาญซึ่งได้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญรวมกับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ ฯ แล้วต่ำกว่าเดือนละห้าพันหนึ่งร้อยบาท ให้ได้รับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ ฯ เพิ่มอีกในอัตราเดือนละเท่ากับส่วนต่างของจำนวนเงินห้าพันหนึ่งร้อยบาท หักด้วยจำนวนเบี้ยหวัดหรือบำนาญรวมกับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ ฯ ที่ได้รับอยู่
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังรายงานว่า ปัจจุบันผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญน้อยได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากสภาวะค่าครองชีพในปัจจุบันมีอัตราที่สูงขึ้น สมควรช่วยเหลือผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญน้อยให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยให้มีรายได้ต่อเดือนเท่ากับค่าจ้างขั้นต่ำตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 3) ซึ่งกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในท้องที่จังหวัดกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นเงินวันละ 170 บาท (เดือนละ 5,100 บาท) ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณในการนี้ประมาณปีละ 1,086 ล้านบาท จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548--จบ--