ขออนุมัติลงนามและให้สัตยาบันสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรู

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 19, 2012 09:26 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง ขออนุมัติลงนามและให้สัตยาบันสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรูว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิด

และความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาคดีอาญา (สนธิสัญญาโอนตัวนักโทษ)

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอดังนี้

1. เห็นชอบร่างสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรูว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิดและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญา (สนธิสัญญาโอนตัวนักโทษ)

2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามสนธิสัญญาฯ

3. ให้ กต. ดำเนินการให้สนธิสัญญาฯ มีผลใช้บังคับในโอกาสอันเหมาะสมตามแต่จะตกลงกับฝ่ายเปรูต่อไป

4. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างสนธิสัญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้ กต. สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง

สาระสำคัญของเรื่อง

ร่างสนธิสัญญาฯ มีเนื้อหาสาระเช่นเดียวกับสนธิสัญญาในเรื่องเดียวกันที่ประเทศไทยจัดทำกับประเทศต่าง ๆ และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ. 2527 (แก้ไข พ.ศ. 2530) ทุกประการ โดยกำหนดเงื่อนไขและขั้นตอนในการขอโอนและการรับโอนตัวผู้กระทำผิดระหว่างภาคี สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

1) ผู้กระทำผิดที่ถูกพิพากษาลงโทษในดินแดนของภาคีฝ่ายหนึ่งอาจถูกโอนตัวไปยังดินแดนของภาคีอีกฝ่ายหนึ่งได้เพื่อรับโทษที่เหลืออยู่

2) ผู้กระทำผิดอาจถูกโอนตัวได้ถ้าถูกพิพากษาลงโทษจำคุก กักขัง หรือทำให้ปราศจากอิสรภาพในรูปแบบอื่นใด

3) การกระทำอันเป็นมูลเหตุของการมีคำพิพากษาให้ลงโทษเป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมายของรัฐผู้รับ

4) ผู้กระทำผิดที่อาจถูกโอนตัวต้องเป็นคนชาติของรัฐผู้รับและมิได้เป็นคนชาติของรัฐผู้โอน

5) รัฐผู้โอน รัฐผู้รับ และผู้กระทำผิดต่างเห็นพ้องให้มีการโอนตัวได้

6) ผู้กระทำผิดซึ่งกระทำความผิดต่อความมั่นคงภายในและภายนอกของรัฐ ต่อประมุขของรัฐ หรือสมาชิกในครอบครัวโดยตรงของประมุขของรัฐ หรือต่อกฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสมบัติที่มีค่าทางศิลปะของชาติจะไม่ได้รับการโอนตัว

7) หากกฎหมายของรัฐผู้โอนกำหนดระยะเวลาขั้นต่ำในการจำคุกผู้กระทำผิดที่อาจถูกโอนตัวจะต้องได้รับโทษในรัฐผู้โอนมาแล้วเป็นระยะเวลาขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด

8) ผู้กระทำผิดยังคงเหลือระยะเวลาในการรับโทษตามที่กฎหมายของรัฐผู้โอนกำหนด

9) รัฐผู้โอนยังคงไว้ซึ่งเขตอำนาจแต่ผู้เดียวเกี่ยวกับคำพิพากษาของรัฐผู้โอน รวมทั้งโทษตามคำพิพากษาที่กำหนดโดยศาลของรัฐผู้โอนในการที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกคำพิพากษาของศาลตน

10) การบังคับโทษตามคำพิพากษาต่อภายหลังการโอนตัวให้เป็นไปตามกฎหมายและขั้นตอนของรัฐผู้รับ

11) สนธิสัญญาฉบับนี้จะเริ่มมีผลใช้บังคับในวันที่มีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 18 ธันวาคม 2555--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ