การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแอลเบเนีย

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 22, 2013 11:55 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแอลเบเนีย

ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอดังนี้

1. เห็นชอบต่อร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแอลเบเนียว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการ โดยหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของร่างความตกลงฯ และไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้ กต. ดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง

2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในความ ตกลงฯ

3. อนุมัติในหลักการให้ กต. มีหนังสือแจ้งฝ่ายแอลเบเนีย เพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับต่อไป

สาระสำคัญของเรื่อง

กต. รายงานว่า

1. ประเทศไทยกับสาธารณรัฐแอลเบเนียได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2525 ความสัมพันธ์ดำเนินไปด้วยความราบรื่นมาโดยตลอด ทั้งสองฝ่ายมีปฏิสัมพันธ์มากขึ้นภายหลังจากที่แอลเบเนียเปลี่ยนแปลงระบอบความปกครองจากคอมมิวนิสต์เป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ปี 2534

2. ในปี 2551 ฝ่ายแอลเบเนียได้เสนอจัดทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตรา สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการระหว่างไทยกับแอลเบเนีย เพื่อเป็นการแสดงเจตจำนงทางการเมืองที่จะมีความร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิดมากขึ้น และเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกัน โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนร่างโต้ตอบจนเห็นชอบร่วมกันต่อร่างความตกลงฯ แล้ว โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้

2.1 ผู้ถือหนังสือเดินทางทูตหรือราชการซึ่งมีอายุใช้ได้ของราชอาณาจักรไทยจะไม่จำเป็นต้องรับการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางเข้า ออก แวะผ่าน และพำนักในสาธารณรัฐแอลเบเนีย เป็นระยะเวลาไม่เกินเก้าสิบ (90) วัน ตั้งแต่วันที่เดินทางเข้า

2.2 ผู้ถือหนังสือเดินทางทูตหรือราชการซึ่งมีอายุใช้ได้ของสาธารณรัฐแอลเบเนียจะไม่จำเป็นต้องรับการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางเข้า ออก แวะผ่าน และพำนักในราชอาณาจักรไทย เป็นระยะไม่เกินเก้าสิบ (90) วัน ตั้งแต่วันที่เดินทางเข้า

2.3 ผู้ถือหนังสือเดินทางทูตหรือราชการซึ่งมีอายุใช้ได้ของภาคีคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของภาคีคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งตลอดระยะเวลาที่พำนักอยู่ในดินแดนของภาคีคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง

2.4 ความตกลงนี้ไม่จำกัดสิทธิของหน่วยงานซึ่งมีอำนาจหน้าที่ของภาคีคู่สัญญาแต่ละฝ่ายในการปฏิเสธการเข้าเมืองหรือการไม่อนุญาตให้มีถิ่นพำนักของประชาชนของรัฐบาลของภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง ในกรณีที่พิจารณาเห็นว่าบุคคลผู้นั้นเป็นบุคคลที่ไม่พึงปรารถนา

2.5 ข้อพิพาทใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการตีความหรือการปฏิบัติตามความตกลงฉบับนี้จะต้องระงับด้วยการเจรจาและการปรึกษาหารือระหว่างคู่ภาคี

2.6 ความตกลงนี้จะเริ่มมีผลใช้บังคับหกสิบ (60) วัน หลังจากวันที่ภาคีคู่สัญญาได้รับการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรฉบับสุดท้ายว่าได้ดำเนินการตามกระบวนกฎหมายภายในที่จำเป็นสำหรับการมีผลใช้บังคับเสร็จสิ้นแล้ว

2.7 ความตกลงนี้จะมีผลใช้บังคับใช้โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด ภาคีคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถบอกเลิกความตกลงได้ทุกเมื่อโดยการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังภาคีคู่สัญญาอีกฝ่ายทางช่องทางการทูต การยกเลิกจะมีผลใช้บังคับเก้าสิบ (90) วัน หลังจากวันที่ได้รับแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร

3. ร่างความตกลงฯ เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐมนตรีก่อนการลงนาม อย่างไรก็ตาม ร่างความตกลงฯ ไม่เป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ตามมาตรา 190 วรรคสองของรัฐธรรมนูญฯ เนื่องจากร่างความตกลงฯ ไม่เป็นหนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติ เพื่อให้ความเป็นไปตามหนังสือสัญญา หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวางหรือมีผลผูกพันด้านการค้าการลงทุนหรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 พฤษภาคม 2556--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ