1. อนุมัติการจัดทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน
2. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในความตกลงดังกล่าว
3. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างความตกลงดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้ กต. สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
สาระสำคัญของเรื่อง
กต. รายงานว่า
1. นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเยือนสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 20-21 สิงหาคม 2556 ตามคำเชิญของนายนาวาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน ดังนั้น ฝ่ายปากีสถานจึงเสนอให้มีการลงนามความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตระหว่างไทยและปากีสถาน ซึ่ง กต. เห็นว่าการจัดทำความตกลงดังกล่าวเป็นการแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางและการติดต่อราชการระหว่างเจ้าหน้าที่การทูตของทั้งสองฝ่าย
2. การลงนามความตกลงฯ ดังกล่าวกำหนดจะจัดขึ้นระหว่างการเยือนตามข้อ 1. โดยมีผู้นำของทั้งสองฝ่ายเป็นสักขีพยาน
3. ความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตระหว่างไทยกับปากีสถาน มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและติดต่อราชการระหว่างเจ้าหน้าที่การทูตของทั้งสองฝ่าย โดยผู้ถือหนังสือเดินทางทูตฝ่ายหนึ่งจะได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราและสามารถพำนักในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน ทั้งนี้ ความตกลงดังกล่าวสามารถระงับใช้ชั่วคราวด้วยเหตุผลเรื่องความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงแห่งชาติและการสาธารณสุขได้ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
3.1 คนชาติของคู่ภาคีที่ถือหนังสือเดินทางทูตที่มีอายุใช้ได้จะได้รับการยกเว้นจากข้อกำหนดการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางเข้าพำนักใน เดินทางออกจาก หรือแวะผ่านดินแดนของภาคีอีกฝ่ายหนึ่งเป็นระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน โดยมีข้อแม้ว่าคนชาตินั้นจะต้องไม่เข้ารับการจ้างงานใด ๆ ไม่ทำธุรกิจส่วนตัว หรือกิจการส่วนตัวอื่นใด ๆ ในดินแดนของภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง
3.2 คนชาติของคู่ภาคีที่ถือหนังสือเดินทางทูตที่มีอายุใช้ได้และเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกในคณะผู้แทนทางทูตหรือสถานทำการกงสุล หรือผู้แทนของภาคีในองค์การระหว่างประเทศในดินแดนของภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง ตลอดจนสมาชิกในครอบครัวของบุคคลดังกล่าวที่ถือหนังสือเดินทางทูตที่มีอายุใช้ได้ของคู่ภาคี อาจเดินทางเข้า พำนักใน เดินทางออกจากหรือ แวะผ่าน ดินแดนของภาคีอีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องขอรับการตรวจลงตรา เป็นระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน ระยะเวลาดังกล่าวจะได้รับการขยายตามคำร้องขอของ กต. หรือสถานเอกอัครราชทูตที่เกี่ยวข้องจนกระทั่งสิ้นสุดวาระการปฏิบัติหน้าที่
3.3 ความตกลงฉบับนี้ไม่จำกัดสิทธิของคู่ภาคีในการปฏิเสธการเดินทางเข้าเมือง การลดระยะเวลาการพำนักของบุคคลหรือการยุติการพำนักของคนชาติของภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง ที่ได้รับการพิจารณาว่า เป็น บุคคลไม่พึงปรารถนา โดยไม่ต้องอ้างเหตุผล
3.4 คู่ภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจระงับการใช้ความตกลงฉบับนี้เป็นการชั่วคราว ไม่ว่าทั้งหมดหรือเฉพาะส่วนด้วยเหตุผลเรื่องความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ความมั่นคงแห่งชาติ และการสาธารณสุข อย่างไรก็ดี คู่ภาคีจะต้องแจ้งภาคีอีกฝ่ายหนึ่งในการริเริ่มหรือยกเลิกมาตรการระงับใช้ชั่วคราวดังกล่าวผ่านช่องทางการทูต
3.5 การเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขใด ๆ ในความตกลงฉบับนี้อาจทำขึ้นโดยการแลกเปลี่ยนหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรภายหลังจากการปรึกษาหารือ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 13 สิงหาคม 2556--จบ--