ทำเนียบรัฐบาล--2 ก.พ.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ เรื่องการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศเบลิซ โดยให้อยู่ในเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโก และให้แต่งตั้งเอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโก ดำรงตำแหน่ง เอกอัคร-ราชทูตประจำเบลิซ ถิ่นพำนัก ณ กรุงเม็กซิโก อีกตำแหน่งหนึ่ง ภายหลังจากที่ทั้งสองประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกันแล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้เสนอเหตุผลและข้อพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แจ้งว่า ประเทศเบลิซตั้งอยู่ในทวีปอเมริกากลาง มีพรมแดนตอนเหนือติดประเทศสหรัฐเม็กซิโก ทิศตะวันตกติดสาธารณรัฐกัวเตมาลา ทิศตะวันออกติดทะเลแคริบเบียน ได้รับเอกราชการเมื่อปี ค.ศ.1981 มีประชากรประมาณ 200,000 คน เป็นประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ ปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ และปัจจุบันประเทศเบลิซเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคอเมริกากลางที่ไทยยังมิได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการอ้างสิทธิเหนือดินแดนเบลิซของสาธารณรัฐกัวเตมาลา แต่ขณะนี้ปัญหาดังกล่าวได้คลี่คลายลง โดยสาธารณรัฐกัวเตมาลาและเบลิซได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกันแล้ว
นอกจากนี้ ผลประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเบลิซ โดยเฉพาะในด้านการค้านั้น แม้ว่าปัจจุบันปริมาณการค้าขายระหว่างไทยกับเบลิซจะมีปริมาณน้อย แต่ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า (ปี พ.ศ.2540) ประกอบกับเบลิซเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจทั้งในภาคเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร รวมทั้งมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่เป็นแหล่งทำรายได้ที่สำคัญของประเทศในปัจจุบัน ประกอบกับเบลิซเป็นสมาชิกของกลุ่มประชาคมแคริบเบียน (CARICOM) และเป็นสมาชิกของเขตการค้าเสรีอเมริกา (FTAA) ซึ่งเป็นเขตการค้าเสรีที่มีขนาดใหญ่ และมีเป้าหมายที่จะเปิดการค้าเสรีในปี พ.ศ.2548 ดังนั้น การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศเบลิซ จะเป็นช่องทางให้มีการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างกัน และน่าจะเป็นโอกาสที่ดีของนักลงุทนไทยที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศเบลิซ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2542--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ เรื่องการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศเบลิซ โดยให้อยู่ในเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโก และให้แต่งตั้งเอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโก ดำรงตำแหน่ง เอกอัคร-ราชทูตประจำเบลิซ ถิ่นพำนัก ณ กรุงเม็กซิโก อีกตำแหน่งหนึ่ง ภายหลังจากที่ทั้งสองประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกันแล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้เสนอเหตุผลและข้อพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แจ้งว่า ประเทศเบลิซตั้งอยู่ในทวีปอเมริกากลาง มีพรมแดนตอนเหนือติดประเทศสหรัฐเม็กซิโก ทิศตะวันตกติดสาธารณรัฐกัวเตมาลา ทิศตะวันออกติดทะเลแคริบเบียน ได้รับเอกราชการเมื่อปี ค.ศ.1981 มีประชากรประมาณ 200,000 คน เป็นประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ ปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ และปัจจุบันประเทศเบลิซเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคอเมริกากลางที่ไทยยังมิได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการอ้างสิทธิเหนือดินแดนเบลิซของสาธารณรัฐกัวเตมาลา แต่ขณะนี้ปัญหาดังกล่าวได้คลี่คลายลง โดยสาธารณรัฐกัวเตมาลาและเบลิซได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกันแล้ว
นอกจากนี้ ผลประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเบลิซ โดยเฉพาะในด้านการค้านั้น แม้ว่าปัจจุบันปริมาณการค้าขายระหว่างไทยกับเบลิซจะมีปริมาณน้อย แต่ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า (ปี พ.ศ.2540) ประกอบกับเบลิซเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจทั้งในภาคเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร รวมทั้งมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่เป็นแหล่งทำรายได้ที่สำคัญของประเทศในปัจจุบัน ประกอบกับเบลิซเป็นสมาชิกของกลุ่มประชาคมแคริบเบียน (CARICOM) และเป็นสมาชิกของเขตการค้าเสรีอเมริกา (FTAA) ซึ่งเป็นเขตการค้าเสรีที่มีขนาดใหญ่ และมีเป้าหมายที่จะเปิดการค้าเสรีในปี พ.ศ.2548 ดังนั้น การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศเบลิซ จะเป็นช่องทางให้มีการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างกัน และน่าจะเป็นโอกาสที่ดีของนักลงุทนไทยที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศเบลิซ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2542--