ทำเนียบรัฐบาล--24 มี.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วเห็นชอบเป็นหลักการให้ส่วนราชการและข้าราชการตรวจสอบสิทธิของตนเองว่า ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่ หากไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมให้งดเบิกจ่าย และให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไปว่า เมื่อมีการตรวบสอบการใช้สิทธิแล้ว พบว่าข้าราชการรายใดมีเจตนาใช้สิทธิเบิกไม่ถูกต้องขัดกับพระราชกฤษฎีกาฯ ให้ถือว่าเป็นการทุจริตมีความผิดวินัยอย่างร้ายแรง เมื่อมีการสอบสวนแล้วพบว่ามีความผิดจริงให้ส่วนราชการพิจารณาลงโทษไล่ออก ซึ่งจะไม่มีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญและให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ทั้งนี้ เพื่อให้มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2540 มีผลในทางปฏิบัติ และสอดคล้องกับคำสั่งรองนายก-รัฐมนตรีสั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก สมบุญ ระหงษ์ ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี) สมควรแก้ไขพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2527 โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดสิทธิและการเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้านข้าราชการที่เป็นอยู่ในปัจจุบันให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ก็จะสามารถประหยัดงบประมาณได้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับลดค่าใช้จ่ายของทางราชการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการคลังของประเทศ
ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดข้อยกเว้นการเบิกค่าเช่าบ้านกรณีท้องที่ที่ไปประจำสำนักงานใหม่มีเคหสถานของตนเอง หรือของบิดามารดา หรือบุตร หรือสามี ภริยา ที่พออาศัยอยู่ร่วมกันได้
2. กำหนดข้อยกเว้นการเบิกค่าเช่าบ้านกรณีได้รับคำสั่งให้เดินทางไปประจำสำนักงานใหม่ตามคำร้องขอของตนเอง
3. กำหนดกรณีข้าราชการที่ต้องไปปฏิบัติราชการประจำสำนักงานในต่างท้องที่ เนื่องจากหน่วยงานที่ปฏิบัติงานประจำอยู่เดิมได้ย้ายไปตั้งสถานที่ทำการในท้องที่ใหม่ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีขอให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแก้ไขข้อความตามข้อ 3 เพื่อให้สิทธิแก่ข้าราชการที่หน่วยงานประจำย้ายไปตั้งที่สถานที่ใหม่ที่มีพื้นที่ห่างไกลจาดเดิมที่มิใช่บริเวณใกล้เคียงกันหรือปริมณฑล เพื่อให้ได้รับสิทธิในการเบิกค่าเช่าได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 24 มีนาคม 2541--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วเห็นชอบเป็นหลักการให้ส่วนราชการและข้าราชการตรวจสอบสิทธิของตนเองว่า ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่ หากไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมให้งดเบิกจ่าย และให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไปว่า เมื่อมีการตรวบสอบการใช้สิทธิแล้ว พบว่าข้าราชการรายใดมีเจตนาใช้สิทธิเบิกไม่ถูกต้องขัดกับพระราชกฤษฎีกาฯ ให้ถือว่าเป็นการทุจริตมีความผิดวินัยอย่างร้ายแรง เมื่อมีการสอบสวนแล้วพบว่ามีความผิดจริงให้ส่วนราชการพิจารณาลงโทษไล่ออก ซึ่งจะไม่มีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญและให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ทั้งนี้ เพื่อให้มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2540 มีผลในทางปฏิบัติ และสอดคล้องกับคำสั่งรองนายก-รัฐมนตรีสั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก สมบุญ ระหงษ์ ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี) สมควรแก้ไขพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2527 โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดสิทธิและการเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้านข้าราชการที่เป็นอยู่ในปัจจุบันให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ก็จะสามารถประหยัดงบประมาณได้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับลดค่าใช้จ่ายของทางราชการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการคลังของประเทศ
ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดข้อยกเว้นการเบิกค่าเช่าบ้านกรณีท้องที่ที่ไปประจำสำนักงานใหม่มีเคหสถานของตนเอง หรือของบิดามารดา หรือบุตร หรือสามี ภริยา ที่พออาศัยอยู่ร่วมกันได้
2. กำหนดข้อยกเว้นการเบิกค่าเช่าบ้านกรณีได้รับคำสั่งให้เดินทางไปประจำสำนักงานใหม่ตามคำร้องขอของตนเอง
3. กำหนดกรณีข้าราชการที่ต้องไปปฏิบัติราชการประจำสำนักงานในต่างท้องที่ เนื่องจากหน่วยงานที่ปฏิบัติงานประจำอยู่เดิมได้ย้ายไปตั้งสถานที่ทำการในท้องที่ใหม่ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีขอให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแก้ไขข้อความตามข้อ 3 เพื่อให้สิทธิแก่ข้าราชการที่หน่วยงานประจำย้ายไปตั้งที่สถานที่ใหม่ที่มีพื้นที่ห่างไกลจาดเดิมที่มิใช่บริเวณใกล้เคียงกันหรือปริมณฑล เพื่อให้ได้รับสิทธิในการเบิกค่าเช่าได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 24 มีนาคม 2541--