ทำเนียบรัฐบาล--24 ธ.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้องค์การคลังสินค้ากู้เงินเพื่อใช้รับซื้อเมล็ดกาแฟจาก เกษตรกร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. ให้องค์การคลังสินค้ากู้เงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด เพื่อนำไปใช้เป็นทุนในการรับซื้อเมล็ดกาแฟจำนวน 1,190 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 1 ปี โดยให้องค์การคลังสินค้ารับซื้อเมล็ด กาแฟ ณ จังหวัดแหล่งผลิต
2. ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ให้กู้ยืมเป็นกรณีพิเศษ โดยผ่านธนาคารกรุง ไทย จำกัด คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ทั้งนี้ ขอให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้พิจารณาข้อมูล สถานการณ์และความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนกาแฟจึงเห็นควรเข้าช่วยเหลือ แทรกแซงตลาดดังกล่าว เนื่องจาก
1. ผลผลิตกาแฟของโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกาได้คาดคะเนผลผลิตกาแฟของโลกในฤดู การผลิตปี 2539/40 จำนวน 5.95 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 0.74 ล้านตัน หรือคิด เป็นร้อยละ 14.21 เนื่องจากประเทศผู้ผลิตราย ใหญ่ เช่น บราซิล โคลัมเบีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม มีปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น
2. ผลผลิตกาแฟของไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้คาดคะเนผลผลิตกาแฟของไทยในฤดูการผลิตปี 2539/40 จำนวน 83,000 ตัน ซึ่งคาดว่าจะนำไปใช้ผลิตกาแฟผงสำเร็จรูป ประมาณ 30,000 ตัน หรือร้อยละ 36 ของผลผลิตและส่งออกจำหน่ายต่างประเทศ 53,000 ตัน หรือร้อยละ 64 ประกอบกับผลผลิตของไทย คิดเป็นเพียงร้อละ 1.5 ของผลผลิตโลก ดังนั้นราคาเมล็ดกาแฟภายในประเทศจึงเคลื่อนไหวตามราคาตลาดโลก
3. ราคาเมล็ดกาแฟตลาดโลก กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของราคาเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสต้า ซื้อขายล่วงหน้าตลาดลอนดอนมาโดยตลอด ซึ่งปรากฏมีราคาลดต่ำลงมาตลอด ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2539 ซึ่งมีราคาเฉลี่ย กก.ละ 48.27 บาท เหลือเพียง กก.ละ 35.80 บาท ในเดือน พฤศจิกายน 2539 และระหว่างวันที่ 1 - 18 ธันวาคม2539 เหลือเพียง กก.ละ 32.21 บาท ซึ่งหากให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาด เกษตรกรจะ จำหน่ายผลผลิตได้เพียง กก.ละ 19 - 20 บาท (ปีที่ผ่านมา 38/39 ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ย กก. ละ 39 บาท)
4. กระทรวงพาณิชย์ได้จัดประชุมฝ่ายที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย ผู้แทนเกษตรชาวสวน กาแฟ สมาคมผู้ส่งออกกาแฟ โรงงานผู้ผลิตกาแฟผงสำเร็จรูป และผู้แทนส่วน ราชการ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม 2539 ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นว่า หากให้ราคาเมล็ดกาแฟเป็นไปตามกลไกการตลาด โดยทางราชการไม่ช่วย เหลือ เกษตรกรชาวสวนกาแฟจะได้รับความเดือดร้อนจากการขายผลผลิตได้ราคา ต่ำเพียง กก.ละ 19 - 20 บาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 24 ธันวาคม 2539--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้องค์การคลังสินค้ากู้เงินเพื่อใช้รับซื้อเมล็ดกาแฟจาก เกษตรกร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. ให้องค์การคลังสินค้ากู้เงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด เพื่อนำไปใช้เป็นทุนในการรับซื้อเมล็ดกาแฟจำนวน 1,190 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 1 ปี โดยให้องค์การคลังสินค้ารับซื้อเมล็ด กาแฟ ณ จังหวัดแหล่งผลิต
2. ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ให้กู้ยืมเป็นกรณีพิเศษ โดยผ่านธนาคารกรุง ไทย จำกัด คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ทั้งนี้ ขอให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้พิจารณาข้อมูล สถานการณ์และความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนกาแฟจึงเห็นควรเข้าช่วยเหลือ แทรกแซงตลาดดังกล่าว เนื่องจาก
1. ผลผลิตกาแฟของโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกาได้คาดคะเนผลผลิตกาแฟของโลกในฤดู การผลิตปี 2539/40 จำนวน 5.95 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 0.74 ล้านตัน หรือคิด เป็นร้อยละ 14.21 เนื่องจากประเทศผู้ผลิตราย ใหญ่ เช่น บราซิล โคลัมเบีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม มีปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น
2. ผลผลิตกาแฟของไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้คาดคะเนผลผลิตกาแฟของไทยในฤดูการผลิตปี 2539/40 จำนวน 83,000 ตัน ซึ่งคาดว่าจะนำไปใช้ผลิตกาแฟผงสำเร็จรูป ประมาณ 30,000 ตัน หรือร้อยละ 36 ของผลผลิตและส่งออกจำหน่ายต่างประเทศ 53,000 ตัน หรือร้อยละ 64 ประกอบกับผลผลิตของไทย คิดเป็นเพียงร้อละ 1.5 ของผลผลิตโลก ดังนั้นราคาเมล็ดกาแฟภายในประเทศจึงเคลื่อนไหวตามราคาตลาดโลก
3. ราคาเมล็ดกาแฟตลาดโลก กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของราคาเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสต้า ซื้อขายล่วงหน้าตลาดลอนดอนมาโดยตลอด ซึ่งปรากฏมีราคาลดต่ำลงมาตลอด ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2539 ซึ่งมีราคาเฉลี่ย กก.ละ 48.27 บาท เหลือเพียง กก.ละ 35.80 บาท ในเดือน พฤศจิกายน 2539 และระหว่างวันที่ 1 - 18 ธันวาคม2539 เหลือเพียง กก.ละ 32.21 บาท ซึ่งหากให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาด เกษตรกรจะ จำหน่ายผลผลิตได้เพียง กก.ละ 19 - 20 บาท (ปีที่ผ่านมา 38/39 ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ย กก. ละ 39 บาท)
4. กระทรวงพาณิชย์ได้จัดประชุมฝ่ายที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย ผู้แทนเกษตรชาวสวน กาแฟ สมาคมผู้ส่งออกกาแฟ โรงงานผู้ผลิตกาแฟผงสำเร็จรูป และผู้แทนส่วน ราชการ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม 2539 ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นว่า หากให้ราคาเมล็ดกาแฟเป็นไปตามกลไกการตลาด โดยทางราชการไม่ช่วย เหลือ เกษตรกรชาวสวนกาแฟจะได้รับความเดือดร้อนจากการขายผลผลิตได้ราคา ต่ำเพียง กก.ละ 19 - 20 บาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 24 ธันวาคม 2539--