และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ว่าด้วยโครงการจัดตั้งศูนย์พัฒนาสังคมมิตรภาพลาว – ไทย
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่าด้วยโครงการจัดตั้งศูนย์พัฒนาสังคมมิตรภาพลาว-ไทย
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจ
3. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้กระทรวงการต่างประเทศและคณะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
สาระสำคัญของเรื่อง
1. บันทึกความเข้าใจดังกล่าวมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคีที่ทั้งสองประเทศจะดำเนินการร่วมกัน โดยระบุรายละเอียดของโครงการ ซึ่งรวมถึงการยกเว้นภาษี การอำนวยความสะดวกเรื่องพิธีการศุลกากรสำหรับการนำเข้าและนำออกวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ที่ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องนำเข้าไปใช้ในการดำเนินงานก่อสร้างภายใต้โครงการ รวมถึงการอำนวยความสะดวกและให้สิทธิพิเศษแก่เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญไทยที่เข้าไปปฏิบัติงาน เพื่อใช้เป็นกรอบการดำเนินโครงการระหว่างกัน
2. โครงการจัดตั้งศูนย์พัฒนาสังคมมิตรภาพลาว-ไทย นอกจากจะเป็นการให้ความช่วยเหลือรัฐบาลสปป. ลาว ในการจัดตั้งศูนย์พักพิงสำหรับผู้เสียหายจากกระบวนการค้ามนุษย์ และจัดตั้งศูนย์พัฒนาอาชีพเพื่อป้องกันประชากรกลุ่มเสี่ยงไม่ให้เข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์แล้ว ยังจะช่วยลด ป้องกัน และจัดการกับปัญหาการค้ามนุษย์ที่เกิดขึ้นข้ามแดนไทย-ลาว รวมทั้งช่วยลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างไทยกับ สปป. ลาว ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงให้แก่ไทยและ สปป. ลาว โดยรวม และเป็นโอกาสประชาสัมพันธ์บทบาทการจัดการกับปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล ทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศด้วย
3. ร่างบันทึกความเข้าใจมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือของฝ่ายไทยในการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาสังคมมิตรภาพลาว-ไทยในลาว การสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์และการฝึกอบรมบุคลากรของฝ่ายลาว กอปรกับมีถ้อยคำ เนื้อหา และบริบทที่ก่อให้เกิดผลผูกพันระหว่างรัฐบาลภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้น ร่างบันทึกความเข้าใจจึงเป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 23 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนลงนาม แต่ไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 23 วรรคสองของรัฐธรรมนูญฯ ที่จะต้องขอรับความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 ตุลาคม 2558--