คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสารพิธีสารว่าด้วยกรอบกฎหมายเพื่อดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน และดำเนินการส่งมอบแก่เลขาธิการอาเซียนต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
กค. รายงานว่า
1. เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายสมหมาย ภาษี) ได้ลงนามร่างพิธีสารว่าด้วยกรอบกฎหมายเพื่อดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน ซึ่งเป็นกรอบทางกฎหมายเพื่อการดำเนินการการติดต่อสื่อสาร และการประมวลผลทางอิเล็กทรอนิกส์ของธุรกรรมระหว่างระบบ National Single Window ของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งหลายภายในสภาพแวดล้อม ASEAN Single Window โดยคำนึงถึงมาตรฐานสากลและแนวปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศและอนุสัญญาเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกทางการค้า รวมทั้งการทำให้เทคนิคและการปฏิบัติทางศุลกากรมีความทันสมัย นอกจากนี้พิธีสารดังกล่าวกำหนดขอบเขตการบังคับใช้กับธุรกรรมระหว่างระบบ National Single Window ของประเทศสมาชิกอาเซียนภายในสภาพแวดล้อมของ ASEAN Single Window เท่านั้น โดยไม่มีผลเป็นการสร้างพันธกรณีต่อประเทศสมาชิกอาเซียนอันเกี่ยวข้องกับการดำเนินการและการทำธุรกรรมภายในระบบ National Single Window ของตน เว้นแต่ข้อบทที่ว่าด้วยความปลอดภัยและความลับของสารสนเทศ (“ธุรกรรม” หมายถึง การส่งและการรับสารสนเทศหรือข้อมูลระหว่างระบบ National Single Window ทั้งหลาย) ทั้งนี้ กรมศุลกากรได้ดำเนินการเผยแพร่พิธีสารดังกล่าวทางเว็บไซต์ Thailand National Single Window (www.thainsw.net) และเว็บไซต์กรมศุลกากร (www.customs.go.th) เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียสามารถเข้าถึงรายละเอียดของพิธีสารดังกล่าวก่อนที่จะมีการแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันแล้ว
2. การลงนามดังกล่าวมีเงื่อนไขว่าต้องได้รับการให้สัตยาบันอีกครั้งหนึ่ง (Singnature subject to ratification) จึงจะถือว่าประเทศไทยยอมเพื่อผูกพันตามพิธีสาร ซึ่งพิธีสารดังกล่าวกำหนดให้มีผลบังคับใช้ภายหลังจากประเทศสมาชิกทั้งหมดได้แจ้งหรือส่งมอบเอกสารการให้สัตยาบันกับเลขาธิการอาเซียน เมื่อได้ดำเนินกระบวนการภายในของตนเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งนี้ พิธีสารได้กำหนดเวลาเร่งรัดสำหรับการดำเนินกระบวนการภายในไว้ ไม่เกิน 180 วัน ภายหลังการลงนามร่างพิธีสารดังกล่าว โดยขณะนี้ประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ได้ลงนามร่างพิธีสารดังกล่าวครบถ้วนแล้วเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2558 (ครบกำหนดเวลาเร่งรัดในวันที่ 2 มีนาคม 2559)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 มีนาคม 2559--