การร่วมเป็นเจ้าภาพการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคอาเซียนตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการปฏิบัติตามสนธิสัญญาว่าด้วยการค้าอาวุธ

เรื่อง การร่วมเป็นเจ้าภาพการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคอาเซียนตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการปฏิบัติตามสนธิสัญญาว่าด้วยการค้าอาวุธ ระหว่างวันที่ 4 – 5 เมษายน 2559

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ ดังนี้

1. เห็นชอบให้ กต. ตอบรับการเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการปฏิบัติตามสนธิสัญญาว่าด้วยการค้าอาวุธ ณ โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 4 – 5 เมษายน 2559

2. เห็นชอบให้ กต. มอบหมายคณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก มีหนังสือแลกเปลี่ยนตอบรับข้อตกลงการเป็นประเทศเจ้าภาพ (Host Country Agreement) สำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าว

สาระสำคัญของเรื่อง

กต. รายงานว่า

1. ศูนย์ภูมิภาคเพื่อสันติภาพและการลดอาวุธแห่งสหประชาชาติ (United Nations Regional Centre for Peace and Disarmament in Asia and the Pacific: UNRCPD) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักงานกิจการลดอาวุธแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office for Disarmament Affairs: UNODA) ได้ทาบทาม ให้ประเทศไทยร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ กรุงเทพมหานคร เป็นเวลา 2 วัน (4 – 5 เมษยายน 2559) โดยสหประชาชาติจะเชิญผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศ และสาธารณรัฐประชาธิปไตยมอร์เลสเตเข้าร่วมการประชุม โดยมีวัตถประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจเนื้อหาของสนธิสัญญาว่าด้วยการค้าอาวุธอันจะเป็นการเพิ่มพูนศักยภาพของประเทศในภูมิภาคในการเตรียมความพร้อมให้สัตยาบันและปฏิบัติตามพันธกรณีของสนธิสัญญาฯ ในอนาคต ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวจะมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากสหประชาชาติและฝ่ายเลขานุการสนธิสัญญาว่าด้วยการค้าอาวุธเข้าร่วมด้วย

2. การร่วมเป็นเจ้าภาพการประชุมดังกล่าว ประเทศไทยจะต้องมีหนังสือแลกเปลี่ยนตอบรับข้อตกลงการเป็นประเทศเจ้าภาพ (Host Country Agreement: HCA) ซึ่งสหประชาชาติได้ยกร่างขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูดการเสวนาระดับภูมิภาค และแบ่งปันแนวปฏิบัติในด้านการควบคุมการถ่ายโอนอาวุธตามแบบ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของรัฐสมาชิกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อปฏิบัติตาม ATT และมีเนื้อหาเป็นการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบระหว่างสหประชาชาติและประเทศไทยในการจัดการประชุมครั้งนี้ การกำหนดเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของวิทยากรและผู้เข้าร่วมการประชุมจากต่างประเทศ การอำนวยความสะดวกด้านการตรวจลงตราแก่ผู้เข้าร่วมการประชุม และการรักษาความปลอดภัยระหว่างการประชุม

3. กต. เห็นว่า การร่วมเป็นเจ้าภาพการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนราชการไทยที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาให้สัตยาบัน ATT และการเตรียมความพร้อมปฏิบัติตามพันธกรณีของ ATT ในฐานะรัฐภาคีต่อไป อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อภาพลักษณ์ของไทย กล่าวคือ เป็นการแสดงความมุ่งมั่นของไทยต่อวัตถุประสงค์ ATT และยังเป็นการแสดงบทบาทนำของไทยต่อประเด็นความมั่นคงและการลดอาวุธระดับภูมิภาคด้วย

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 มีนาคม 2559--