ทำเนียบรัฐบาล--27 มิ.ย.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการขออนุมัติขยายระยะเวลาการใช้วงเงินกู้โครงการแทรกแซงตลาดยางพาราแล้วมีมติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
1. อนุมัติให้องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) คงดำเนินการตามมาตรการโครงการแทรกแซงตลาดยางพาราต่อไป และอนุมัติแผนปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้โครงการรวม 6 ข้อ ดังนี้
1.1 อนุมัติให้ขยายระยะเวลาวงเงินกู้โครงการฯ ทุกวงเงินกู้ รวม 16,177 ล้านบาท จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2544 ซึ่งต้องดำเนินการเร่งด่วน หากไม่สามารถอนุมัติภายใน 30 มิถุนายน 2543 จะทำให้เกิดเป็นหนี้ผิดนัดธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ อ.ส.ย. จะต้องเสียอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ผิดนัดตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2543 เป็นต้นไป และอาจจจะทำให้เกิดเป็นหนี้ NPL กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในภายภาคหน้าได้ โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน
1.2 อนุมัติให้นำวงเงินกู้ส่วนที่เหลือ จำนวน 34.03 ล้านบาท ของวงเงินกู้ 378 ล้านบาท เพื่อชำระดอกเบี้ยของโครงการฯ ระยะที่ 1-2 และเงินกู้ส่วนที่เหลือ จำนวน 444.74 ล้านบาท ของเงินกู้ 1,000 ล้านบาท ของโครงการระยะที่ 3 ไปใช้ในการชำระดอกเบี้ยหรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการฯ ระยะที่ 3 ได้เพื่อชำระดอกเบี้ยทั้งในส่วนของวงเงินกู้ 3,873 ล้านบาท ได้เพื่อไม่ต้องกู้เงินเพิ่มเติม
1.3 อนุมัติให้กู้เงินเพิ่ม จำนวน 90 ล้านบาท เพื่อชำระดอกเบี้ยของโครงการฯ (เดิม) ระยะที่ 1-2 ที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2543- มิถุนายน 2544 มีระยะเวลาการใช้เงินถึง 30 มิถุนายน 2544 โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน
1.4 อนุมัติให้นำเงินรายได้จากการขายยางโครงการฯ ระยะที่ 4 วงเงิน 2,000 ล้านบาท ชำระคืนเงินที่ยืมจากรายได้การขายยางโครงการฯ ระยะที่ 3 ก่อนเพื่อชำระคืนเงินต้นธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และอนุมัติให้ใช้วงเงิน 4,000 ล้านบาท งวดที่ 1 ของโครงการฯ ระยะที่ 5 และ 4,000 ล้านบาท งวดที่ 2 ของโครงการฯ ระยะที่ 6 ใช้หมุนเวียนในการดำเนินการโครงการฯ ระยะที่ 6 ที่ได้ขยายเวลาต่อไปได้
1.5 อนุมัติให้นำหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยของโครงการฯ ระยะที่ 1-2 ส่วนที่เหลือจากที่ได้รับงบประมาณปี 2544 จำนวน 2,103 ล้านบาทแล้ว และหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยของโครงการฯ ระยะที่ 3 และโครงการฯ ระยะที่ 4 ส่วนที่เหลือจากได้รับปีงบประมาณ 2545 แล้ว ซึ่งจะเกิดขึ้นเนื่องจากการรอการตรวจสอบและรับรองบัญชีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และการตั้งงบประมาณชดเชยผลการขาดทุนของสำนักงบประมาณ ส่วนที่เหลือไปรวมกับบัญชีของโครงการฯ ระยะที่ 5 จะทำให้สามารถปิดบัญชีโครงการฯ ระยะที่ 1,2,3 และ 4 รวมวงเงินกู้ 9 วงเงินได้ ซึ่งเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ที่จำเป็นต้องดำเนินการให้เสร็จภายในปี 2544 เพื่อมิให้กระทบต่อการ Privatization ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะต้องดำเนินการภายในปี 2545
1.6 อนุมัติให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และสำนักงบประมาณร่วมในการกำหนดวิธีปฏิบัติในด้านการตรวจสอบและรับรองบัญชีโครงการฯ และการตั้งงบประมาณเพื่อชดเชยผลการขาดทุนและดอกเบี้ยให้สามารถดำเนินการปิดบัญชีโครงการฯ ระยะที่ 1-4 ได้
2. อนุมัติให้ อ.ส.ย.เหมาจ่ายค่าบริหารโครงการในอัตราร้อยละของมูลค่ายางที่ซื้อซึ่งเป็นอัตราที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้เดิมแล้ว เมื่อวันที่ 20 กรฎาคม 2542 เพื่อให้การบริหารโครงการแทรกแซงตลาดยางพาราเป็นไปโดยเรียบร้อย และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารโครงการฯ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 27 มิ.ย. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการขออนุมัติขยายระยะเวลาการใช้วงเงินกู้โครงการแทรกแซงตลาดยางพาราแล้วมีมติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
1. อนุมัติให้องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) คงดำเนินการตามมาตรการโครงการแทรกแซงตลาดยางพาราต่อไป และอนุมัติแผนปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้โครงการรวม 6 ข้อ ดังนี้
1.1 อนุมัติให้ขยายระยะเวลาวงเงินกู้โครงการฯ ทุกวงเงินกู้ รวม 16,177 ล้านบาท จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2544 ซึ่งต้องดำเนินการเร่งด่วน หากไม่สามารถอนุมัติภายใน 30 มิถุนายน 2543 จะทำให้เกิดเป็นหนี้ผิดนัดธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ อ.ส.ย. จะต้องเสียอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ผิดนัดตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2543 เป็นต้นไป และอาจจจะทำให้เกิดเป็นหนี้ NPL กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในภายภาคหน้าได้ โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน
1.2 อนุมัติให้นำวงเงินกู้ส่วนที่เหลือ จำนวน 34.03 ล้านบาท ของวงเงินกู้ 378 ล้านบาท เพื่อชำระดอกเบี้ยของโครงการฯ ระยะที่ 1-2 และเงินกู้ส่วนที่เหลือ จำนวน 444.74 ล้านบาท ของเงินกู้ 1,000 ล้านบาท ของโครงการระยะที่ 3 ไปใช้ในการชำระดอกเบี้ยหรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการฯ ระยะที่ 3 ได้เพื่อชำระดอกเบี้ยทั้งในส่วนของวงเงินกู้ 3,873 ล้านบาท ได้เพื่อไม่ต้องกู้เงินเพิ่มเติม
1.3 อนุมัติให้กู้เงินเพิ่ม จำนวน 90 ล้านบาท เพื่อชำระดอกเบี้ยของโครงการฯ (เดิม) ระยะที่ 1-2 ที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2543- มิถุนายน 2544 มีระยะเวลาการใช้เงินถึง 30 มิถุนายน 2544 โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน
1.4 อนุมัติให้นำเงินรายได้จากการขายยางโครงการฯ ระยะที่ 4 วงเงิน 2,000 ล้านบาท ชำระคืนเงินที่ยืมจากรายได้การขายยางโครงการฯ ระยะที่ 3 ก่อนเพื่อชำระคืนเงินต้นธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และอนุมัติให้ใช้วงเงิน 4,000 ล้านบาท งวดที่ 1 ของโครงการฯ ระยะที่ 5 และ 4,000 ล้านบาท งวดที่ 2 ของโครงการฯ ระยะที่ 6 ใช้หมุนเวียนในการดำเนินการโครงการฯ ระยะที่ 6 ที่ได้ขยายเวลาต่อไปได้
1.5 อนุมัติให้นำหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยของโครงการฯ ระยะที่ 1-2 ส่วนที่เหลือจากที่ได้รับงบประมาณปี 2544 จำนวน 2,103 ล้านบาทแล้ว และหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยของโครงการฯ ระยะที่ 3 และโครงการฯ ระยะที่ 4 ส่วนที่เหลือจากได้รับปีงบประมาณ 2545 แล้ว ซึ่งจะเกิดขึ้นเนื่องจากการรอการตรวจสอบและรับรองบัญชีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และการตั้งงบประมาณชดเชยผลการขาดทุนของสำนักงบประมาณ ส่วนที่เหลือไปรวมกับบัญชีของโครงการฯ ระยะที่ 5 จะทำให้สามารถปิดบัญชีโครงการฯ ระยะที่ 1,2,3 และ 4 รวมวงเงินกู้ 9 วงเงินได้ ซึ่งเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ที่จำเป็นต้องดำเนินการให้เสร็จภายในปี 2544 เพื่อมิให้กระทบต่อการ Privatization ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะต้องดำเนินการภายในปี 2545
1.6 อนุมัติให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และสำนักงบประมาณร่วมในการกำหนดวิธีปฏิบัติในด้านการตรวจสอบและรับรองบัญชีโครงการฯ และการตั้งงบประมาณเพื่อชดเชยผลการขาดทุนและดอกเบี้ยให้สามารถดำเนินการปิดบัญชีโครงการฯ ระยะที่ 1-4 ได้
2. อนุมัติให้ อ.ส.ย.เหมาจ่ายค่าบริหารโครงการในอัตราร้อยละของมูลค่ายางที่ซื้อซึ่งเป็นอัตราที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้เดิมแล้ว เมื่อวันที่ 20 กรฎาคม 2542 เพื่อให้การบริหารโครงการแทรกแซงตลาดยางพาราเป็นไปโดยเรียบร้อย และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารโครงการฯ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 27 มิ.ย. 2543--
-สส-