1. เห็นชอบโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบ เฉพาะฤดูการผลิจ 2561/2562 ของการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) และอนุมัติงบประมาณจำนวน 159.59 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินโครงการดังกล่าวมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ และเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบ ฤดูการผลิต 2561/2562 ของ ยสท. ได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและถูกต้อง
2. มอบหมายให้ ยสท. ร่วมกับกรมสรรพสามิตในฐานะที่เป็นผู้รับขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ จัดทำรายละเอียดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือ พร้อมทั้งตรวจสอบสิทธิของเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่จะได้รับความช่วยเหลือก่อนเริ่มดำเนินโครงการฯ โดยเฉพาะกรณีประเภทเวอร์ยิเนียที่ต้องรวมเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบบ่มเองที่ได้รับโควตา และเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบภายใต้ผู้บ่มอิสระที่ได้รับโควตาเพื่อป้องกันการสวมสิทธิ
ยสท. ได้พิจารณาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ จากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบในฤดูการผลิต 2561/2562 ของ ยสท. และได้เสนอโครงการฯ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. วัตถุประสงค์ : เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบของ ยสท. ในฤดูการผลิตปี 2561/2562
2. กลุ่มเป้าหมาย : เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบประเภทเวอร์ยิเนีย เบอร์เลย์ และเตอร์กิช ที่ได้รับโควตาในฤดูการผลิต 2561/2562 ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนกับ ยสท. และกรมสรรพสามิตแล้ว รวม 13,557 ราย ประกอบด้วย 1) เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบประเภทเวอร์ยิเนีย จำนวน 2,501 ราย 2) เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบประเทศเบอร์เลย์ จำนวน 7,123 ราย และ 3) เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบประเภทเตอร์กิช จำนวน 3,933 ราย
3. วิธีดำเนินโครงการ :
3.1 เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากการที่ ยสท. ลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบ ฤดูการผลิต 2561/2562 ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือกับ ยสท.
3.2 คณะกรรมการพิจารณาการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ (คณะกรรมการฯ) ที่ได้รับการแต่งตั้งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและประเมินเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือ
3.3 รัฐบาลให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือ กับ กยท. และผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการฯ แล้วว่าได้รับความเดือดร้อนจริง โดยรัฐบาลจ่ายเงินช่วยเหลือในอัตราร้อยละ 70 ของรายได้ที่ขาดหายไป โดยคำนวณเงินช่วยเหลือจากปริมาณโควตาการผลิตใบยาที่ลดลงจากฤดูการผลิต 2560/2561 เทียบกับปริมาณโควตาที่ได้รับฤดูการผลิต 2561/2562 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
(1) ใบยาสูบประเภทเวอร์ยิเนีย จำนวนโควตารับซื้อลดลงทั้งสิ้น 4.36 ล้านกิโลกรัม ได้รับเงินช่วยเหลือ 17.50 บาทต่อกิโลกรัม รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 76.30 ล้านบาท
(2) ใบยาสูบประเภทเบอร์เลย์ จำนวนโควตารับซื้อลดลงทั้งสิ้น 5.27 ล้านกิโลกรัม ได้รับเงินช่วยเหลือ 9.80 บาทต่อกิโลกรัม รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 51.65 ล้านบาท
(3) ใบยาสูบประเภทเตอร์กิช จำนวนโควตารับซื้อลดลงทั้งสิ้น 2.26 ล้านกิโลกรัม ได้รับเงินช่วยเหลือ 14.00 บาทต่อกิโลกรัม รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 31.64 ล้านบาท
3.4 คณะกรรมการฯ รวบรวมข้อมูลและมอบหมายธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้ความอนุเคราะห์ในการโอนเงินที่ได้รับจาก ยสท. เข้าบัญชีเงินฝาก ธ.ก.ส. ของเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่ได้รับสิทธิภายใต้โครงการดังกล่าว
4. ระยะเวลาโครงการ : ภายใน 120 วัน นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ
5. งบประมาณ : ยสท. ขอรับงบประมาณเพื่อจ่ายเป็นเงินชดเชยให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบภายใต้โครงการฯ โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 159.59 ล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 4 ธันวาคม 2561--