โครงการบ้านประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุ (โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ)

ข่าวการเมือง Tuesday January 29, 2019 19:19 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบดังนี้

1. รับทราบผลการดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ และรับทราบการปรับเงื่อนไขคุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ โครงการเช่าระยะยาว (Leasehold)

2. ให้กระทรวงการคลังและสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (ธนาคารอาคารสงเคราะห์และธนาคารออมสิน) ที่เข้าร่วมโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐเร่งประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบถึงเงื่อนไขคุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ โครงการเช่าระยะยาว (Leasehold) ที่กำหนดขึ้นใหม่ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจและเข้าร่วมโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ โครงการเช่าระยะยาว (Leasehold) เพิ่มขึ้น

สาระสำคัญของเรื่อง

กระทรวงการคลัง (กค.) รายงานว่า

1. ผลการดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ มีสาระสำคัญ สรุปได้ ดังนี้

1.1 กรณีการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ กรมธนารักษ์ได้เปิดประกวดโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ เพื่อหาผู้ประกอบการลงทุนก่อสร้างโครงการ จำนวน 6 แปลง โดยมีผลการประกวดโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ จำนวน 5 แปลง (แปลง อ.ชร. 31 จังหวัดเชียงราย ไม่มีผู้ยื่นซอง) และมียอดลงทะเบียนจองสิทธิ (เปิดจองตั้งแต่วันที่ 19 – 31 สิงหาคม 2559) จำนวนทั้งสิ้น 2,322 ราย และต่อมามีผู้ลงทะเบียนจองสิทธิที่นำเอกสารหลักฐานมายื่นขอใช้สิทธิเพียง 406 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 17.50 ของจำนวนผู้ยื่นจองทั้งหมด 2,322 ราย โดย ธอส. และธนาคารออมสินแจ้งต่อ กค. ว่า สาเหตุที่ทำให้ผู้จองสิทธิไม่มายื่นเอกสารหรือไม่สามารถยื่นเอกสารเพื่อคัดกรองคุณสมบัติได้ เนื่องจากผู้จองสิทธิส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีหรือเคยมีกรรมสิทธิ์บ้านมาแล้ว ซึ่งไม่เป็นไปตามคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการที่กำหนดไว้ว่าต้องไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อน นอกจากนั้น จากการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ยื่นจองสิทธิ มีผู้ผ่านคุณสมบัติเพียง 388 ราย เนื่องจากส่วนใหญ่เข้าข่ายเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อนเช่นกัน จึงไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้และต่อมากรมธนารักษ์ได้พิจารณายกเลิกการดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. 2615 เนื่องจากมีข้อเสนอแนะเรื่องที่จอดรถที่อาจส่งผลให้รูปแบบโครงการที่เสนอไว้เปลี่ยนแลงไป อีกทั้งที่ผ่านมามีกระแสคัดค้านโครงการจากประชาชนและชมุชนโดยตลอด โดยคาดว่าจะทวีความรุนแรง และอาจส่งผลให้การดำเนินงานหยุดชะงักและเกิดความเสียหายต่อทั้งภาครัฐและภาคเอกชน นอกจากนี้ กรมธนารักษ์ได้เห็นชอบการปรับลดเนื้อที่โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ พบ. 261 พร้อมทั้งปรับลดจำนวนบ้านที่ปลูกสร้าง เนื่องจากเกิดปัญหาข้อพิพาทกับเจ้าของที่ดินแปลงข้างเคียง

สรุปสถานะโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ดังนี้
โครงการ                           แปลง                        จำนวน (หน่วย)      ผู้ขอใช้สิทธิ          ผู้ผ่านคุณสมบัติ
โครงการเช่าระยะสั้น       กท. 5050 เนื้อที่ 3 – 1 – 79 ไร่                432            173 ราย           173 ราย
โครงการเช่าระยะยาว      พบ. 260 เนื้อที่ 29 – 3 – 95 ไร่                377            30 ราย             28 ราย
                       พบ. 261 เนื้อที่ 21 – 0 – 11 ไร่                263            67 ราย             61 ราย
                       รวม                                       1,072           270 ราย           262 ราย

โครงการ - สถานะปัจจุบัน

โครงการเช่าระยะสั้น

กรมธนารักษ์ตรวจแบบแปลนก่อสร้างพร้อมผ่านรายงานผลกระทบการจราจรและผ่านความเห็นชอบการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างที่บริษัท อารียาฯ ขออนุญาตปลูกสร้างต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น

โครงการเช่าระยะยาว
  • แปลง พบ. 260 อยู่ระหว่างปรับสภาพพื้นที่
  • แปลง พบ. 261 เจ้าพนักงานท้องถิ่นอนุญาตก่อสร้างแล้วโดยบริษัท กลอรี่ฯ ได้ดำเนินการก่อสร้างบ้านที่พักอาศัยในเฟส 1 จำนวน 43 หลัง แล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างดำเนินการในเฟส 2 จำนวน 100 หลัง (ส่วนที่เหลือจำนวน 120 หลัง จะดำเนินการในเฟส 3 ต่อไป)

1.2 กรณีการซ่อมแซมและหรือต่อเติมที่อยู่อาศัยบนที่ดินราชพัสดุ กรมธนารักษ์ได้ประสานกับ ธอส. และธนาคารออมสิน ในเขตพื้นที่เพื่อเริ่มดำเนินโครงการ โดยประชาสัมพันธ์โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐผ่านสื่อท้องถิ่นและทำหนังสือแจ้งเวียนให้ผู้เช่าที่ราชพัสดุได้รับทราบข้อมูลเพื่อขอรับสิทธิการเข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งกรมธนารักษ์ได้ออกหนังสือรับรองให้แก่ผู้เช่าสำหรับใช้เป็นหลักฐานในการยื่นขอกู้เงินแล้ว จำนวน 267 ราย วงเงิน 149.116 ล้านบาท ประกอบด้วย

(1) ธกส. จำนวน 107 ราย วงเงิน 83.806 ล้านบาท

(2) ธนาคารออมสิน จำนวน 160 ราย วงเงิน 65.310 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 13 ธันวาคม 2561)

2. ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (3 มกราคม 2561) เห็นชอบกรอบดำเนินการโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ ซึ่งการดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐมีวัตถุประสงค์ที่ต้องการสนับสนุนให้ประชาชนมีความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยเพื่อตอบสนองนโยบายเช่นเดียวกันกับโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ ประกอบกับปัจจุบันการดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ โครงการเช่าระยะยาว (Leasehold) บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ พบ. 260 และ พบ. 261 ยังมีผู้เข้าร่วมโครงการไม่เต็มจำนวนตามที่กำหนดไว้ ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้และเป็นไปในแนวทางเดียวกับการดำเนินโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ ตลอดจนเพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้กับประชาชน กค. จึงขอปรับเงื่อนไขคุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ โครงการเช่าระยะยาว (Leasehold) จากเดิม เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนที่ปัจจุบันไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย เป็น

(1) ประชาชนผู้ได้รับสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

(2) ประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อคนต่อเดือน (Gross Income) และ

(3) ประชาชนทั่วไป โดยให้พิจารณาสิทธิผู้เข้าร่วมโครงการแก่ผู้ที่มีคุณสมบัติตามลำดับก่อนหลัง ทั้งนี้ ไม่บังคับใช้กับผู้ที่ขอเข้าร่วมโครงการก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะเห็นชอบตามที่เสนอนี้

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 มกราคม 2562--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ