1. ให้ความเห็นชอบการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council: UNSC) ที่ 2444 (ค.ศ. 2018) ในส่วนการยกเลิกการดำเนินมาตรการลงโทษต่อรัฐ เอริเทรียและในส่วนการดำเนินมาตรการลงโทษเกี่ยวกับสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลีย (โซมาเลีย)
2. กรณีที่ UNSC ได้รับรองข้อมติเพื่อคงไว้ซึ่งมาตรการลงโทษต่อโซมาเลียและข้อยกเว้นที่เกี่ยวข้องเป็นประจำทุกปี และเนื้อหาของข้อมติใหม่มิได้เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของมาตรการลงโทษที่มีอยู่เดิม เห็นควรให้ความเห็นชอบให้ กต. ดำเนินการไปได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา แต่หากกรณีที่ UNSC จะรับรองข้อมติเพื่อเปลี่ยนแปลง สาระสำคัญหรือยกเลิกมาตรการลงโทษต่อโซมาเลีย เห็นควรให้ความเห็นชอบให้ กต. เสนอเรื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญหรือยกเลิกมาตรการลงโทษดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
3. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม (กห.) กระทรวงการคลัง (กค.) กระทรวงคมนาคม (คค.) กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถือปฏิบัติและปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการลงโทษ สหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียให้ทันสมัยตามข้อมูลในเว็บไซต์ของสหประชาชาติ (https://www.un.org/sc/suborg/en/sanctions/751) ทั้งนี้ สหประชาชาติจะปรับปรุงรายชื่อบุคคล และองค์กรที่ถูกมาตรการลงโทษภายใต้หัวข้อ “Sanctions List Materials” เป็นระยะ
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติ UNSC ตั้งแต่ปี 2535 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโซมาเลียและรัฐเอริเทรีย รวม 5 ครั้ง (พ.ศ. 2552 - 2561) จำนวน 21 ฉบับ โดยในครั้งนี้ UNSC ได้รับรองข้อมติฯ ที่ 2444 (ค.ศ. 2018) ซึ่งจำแนกออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่
1. ยกเลิกมาตรการลงโทษทั้งหมดต่อรัฐเอริเทรีย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาไม่พบหลักฐานที่แน่ชัดว่ารัฐเอริเทรียสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบั่นทอนเสถียรภาพของสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียและภูมิภาค รวมทั้งในช่วงปี 2561 รัฐเอริเทรียได้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมสันติภาพในหลาย ๆ ด้านด้วย
2. ต่ออายุมาตรการลงโทษสำหรับสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลีย เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบและความรุนแรงในสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวประกอบด้วย (1) มาตรการลงโทษทางอาวุธ การห้ามเดินทาง การอายัดทรัพย์สิน และการห้ามนำเข้าถ่านไม้ (ไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด) (2) ต่ออายุ ข้อยกเว้นที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตรการลงโทษทางอาวุธจะไม่มีผลบังคับใช้ในกรณีการขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อการพัฒนากองกำลังรักษาความมั่นคงแห่งชาติของโซมาเลีย เป็นต้น ออกไปจนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562--