ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

ข่าวการเมือง Wednesday October 28, 2020 17:46 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เสนอ และให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะฯ ดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการ โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย

สาระสำคัญของเรื่อง

คณะกรรมการ ป.ป.ช. รายงานว่า

1. เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีการตรวจสอบพบการทุจริตงบประมาณเงินอุดหนุนของ พศ. ซึ่งประกอบด้วยงบประมาณประเภทเงินอุดหนุน 3 ประเภท ได้แก่ 1) งบประมาณเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด 2) งบประมาณเงินอุดหนุนการส่งเสริมเผยแผ่พระพุทธศาสนา และ 3) งบประมาณเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมโดยเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งจากการศึกษาพฤติการณ์/รูปแบบการทุจริต รวมทั้งข้อกฎหมาย ระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของ พศ. พบว่า กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องสามารถเปิดช่องและเอื้อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ และเจ้าอาวาสในฐานะผู้แทนของวัด ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ไม่มีความรู้เพียงพอในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของแผ่นดิน ทำให้บุคคลบางกลุ่มใช้วัดเป็นเครื่องมือในการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ทำให้เกิดปัญหาและความเสี่ยงในการทุจริตตั้งแต่ขั้นตอนการจัดทำคำขอและจัดสรรงบประมาณ การเบิกจ่ายงบประมาณ และการติดตามและประเมินผล รวมทั้งการเปิดเผยข้อมูลเพื่อสร้างความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการติดตามตรวจสอบ

2. คุณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาและป้องกันความเสี่ยงเกี่ยวกับการทุจริตงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของ พศ. จึงมีข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของ พศ. รวม 5 ด้าน ดังนี้

ด้าน / ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช.

1) ด้านการจัดทำระบบฐานข้อมูล

รัฐบาลควรกำหนดให้การบูรณาการและการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดทำฐานข้อมูลของวัดเป็นวาระแห่งชาติ โดย พศ. ต้องมีระบบฐานข้อมูลกลางข้อมูลการจัดทำคำขอและการจัดสรรงบประมาณ การบริหารงบประมาณและการติดตามและประเมินผล โดยนำข้อมูลเดิมมาจัดทำเป็นข้อมูลรูปแบบดิจิทัลในฐานข้อมูลกลาง รวมทั้งควรจัดทำระบบสารสนเทศรองรับการใช้งานข้อมูลจากฐานข้อมูลกลางในรูปแบบ Web-Base Technology หรือ Mobile Application ที่ผู้ใช้งานสามารถปฏิบัติงานและเรียกดูข้อมูลบน Web Browser หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ มีการรายงานข้อมูลแบบ Real-Time และเปิดเผย

ข้อมูลให้สาธารณชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้

2) ด้านกระบวนการจัดทำคำขอและการจัดสรรงบประมาณ

2.1) ให้ พศ. ดำเนินการจัดทำคำขอและการจัดสรรงบประมาณ ด้านการก่อสร้างการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด เป็นงบประมาณประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ

2.2) กรณีงบประมาณงบเงินอุดหนุนประเภทอื่น เช่น เงินอุดหนุนการส่งเสริมเผยแผ่พระพุทธศาสนา เงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม และเงินอุดหนุนอื่น ๆ ให้ พศ. จัดทำหลักเกณฑ์การขอรับและการจัดสรรเงินอุดหนุนอย่างมีส่วนร่วมและเป็นธรรม สามารถวัดผลได้ในเชิงปริมาณ โดยจัดทำเป็นระเบียบหรือประกาศที่เป็นทางการ พร้อมประกาศให้สาธารณชนรับทราบ

2.3) ให้ พศ. ปรับปรุงคณะกรรมการ/คณะทำงานพิจารณาคำขอและการจัดสรรงบประมาณงบเงินอุดหนุนทั้งในระดับส่วนกลางและภูมิภาค โดยเพิ่มเติมองค์ประกอบคณะกรรมการ/คณะทำงานจากภายนอก เช่น ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนผู้ตรวจราชการภาคประชาชน หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีงบประมาณเงินอุดหนุนให้กับวัด เช่น กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) และ นักวิชาการด้านการบริหารจัดการ และด้านการศาสนา ตามความเหมาะสมโดยมีหน้าที่และอำนาจในการพิจารณาคำขอและการจัดสรรงบประมาณงบเงินอุดหนุน การจัดทำแผนบูรณาการด้านงบประมาณเงินอุดหนุนวัด จัดทำฐานข้อมูลต่าง ๆ ของวัดที่สำคัญ เช่น ข้อมูลพื้นฐานและความจำเป็นของวัด ข้อมูลการอุดหนุนงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ ข้อมูลฐานะการเงินและรายรับ-รายจ่ายของวัด ข้อมูลศาสนสถาน ข้อมูลโรงเรียนพระปริยัติธรรม ข้อมูลจำนวนพระภิกษุ-สามเณร และการตรวจสอบ ติดตามและประเมินผล การเบิกจ่ายงบประมาณงบเงินอุดหนุน รวมทั้งการประเมินศรัทธาของประชาชนที่มีต่อวัดด้วย

2.4) การจัดทำคำขอและการพิจารณางบประมาณงบเงินอุดหนุนของ พศ. ควรให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและฐานข้อมูลจริง รวมทั้งให้พิจารณาจากข้อมูลฐานะการเงินและรายรับ-รายจ่ายของวัด ประกอบด้วย และให้มีการประมาณรายละเอียดค่าใช้จ่ายของโครงการที่จะขอรับงบประมาณให้ชัดเจน

3) ด้านการเบิกจ่ายงบประมาณ

3.1) ให้ พศ. ประสานงานและสนับสนุนให้วัดหรือผู้ได้รับงบประมาณงบเงินอุดหนุน ต้องจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินที่ชัดเจน และในการใช้จ่ายงบเงินอุดหนุนของวัดไม่ควรเบิกจ่ายล่วงหน้าก่อนมีแผนการใช้จ่ายเงิน และให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติของกระทรวงการคลัง (กค.) เรื่อง การเบิกจ่ายงบประมาณงบเงินอุดหนุนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการจัดเก็บเอกสารหลักฐานการจ่ายเงินงบประมาณ เพื่อให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ ทั้งนี้ ให้มีการรายงานผลการเบิกจ่ายและใช้งบประมาณงบเงินอุดหนุนตามแนวทางที่ พศ. กำหนด และให้ พศ. ดำเนินตามหน้าที่และอำนาจเกี่ยวกับบัญชีรายรับ-รายจ่ายของวัด ตามกฎกระทรวงและมติมหาเถรสมาคมที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

3.2) ให้ พศ. ร่วมกับกรมบัญชีกลางจัดทำคู่มือ/แนวทางปฏิบัติในการใช้และการเบิกจ่ายงบประมาณให้ชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน พร้อมมีการให้คำแนะนำ/ความรู้แก่วัดและผู้ได้งบประมาณงบเงินอุดหนุนจาก พศ.

4) ด้านการติดตามและประเมินผล

พศ. ต้องให้ความสำคัญกับการตรวจสอบ ติดตาม และการประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณงบเงินอุดหนุน เพื่อให้เป็นไปตามแผนงาน/โครงการ วัตถุประสงค์และงบประมาณที่ได้รับ ทั้งนี้ อาจมีการบูรณาการกับหน่วยงานด้านการตรวจสอบและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนผู้ตรวจราชการภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน เพื่อร่วมกันติดตามและประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณงบเงินอุดหนุน พร้อมการเปิดเผยรายงานผลการติดตามและประเมินผลของโครงการต่อสาธารณะ

5) ด้านการแจ้งเบาะแส

5.1) ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต พศ. ควรเป็นหน่วยงานส่งเสริมสนับสนุน และให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ภายในหน่วยงาน เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการ ตลอดจนสิทธิที่ได้รับในการแจ้งเบาะแสการทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันฯ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และกฎ ก.พ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการให้บำเหน็จความชอบ การกันเป็นพยาน การลดโทษและการให้ความคุ้มครองพยาน พ.ศ. 2553

5.2) กำหนดให้มีช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์จากพระภิกษุและประชาชน และควรกำหนดกระบวนการจัดการเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ให้ชัดเจน และมีความรวดเร็ว

ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 ตุลาคม 2563


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ