แผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2545 – 2565) ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2563

ข่าวการเมือง Tuesday February 2, 2021 20:02 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2545 ? 2565) ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2563 (แผนปฏิบัติการ ด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 2ฯ พ.ศ. 2563) และให้หน่วยงานรับผิดชอบดำเนินงานด้านผู้สูงอายุนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป

สาระสำคัญของเรื่อง
พม. รายงานว่า
1. แผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2545 ? 2564) เป็นแผนแม่บทระยะยาวที่ใช้เป็นกรอบทิศทางในการขับเคลื่อนงานด้านผู้สูงอายุของประเทศไทย เนื่องจากจำนวนและสัดส่วนผู้สูงอายุ (ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป) ของประเทศไทยเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็ว ซึ่งจะมีผลต่อสภาพทางสังคม สภาวะเศรษฐกิจ และการจ้างงาน ตลอดจนการจัดสรรทรัพยากรทางสุขภาพและสังคมของประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยแผนผู้สูงอายุแห่งชาติดังกล่าวได้ปรับปรุงมาแล้ว 1 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2552 ซึ่งต่อมา พม. (กรมกิจการผู้สูงอายุ) ได้จัดทำแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2545 ? 2565) ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2561 ซึ่งสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒนาฯ) ในการประชุมครั้งที่ 4/2563 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2563 มีมติเห็นชอบในหลักการด้วยแล้ว โดยมีความเห็นเพิ่มเติมให้มุ่งเน้นประเด็นสำคัญ เช่น ควรปรับปรุงดัชนีชี้วัดในภาพรวมให้สามารถวัดได้ง่าย ปรับปรุงดัชนีหลักประกันรายได้เพื่อวัยสูงอายุให้ครอบคลุมในมิติเรื่องความเพียงพอทางการเงิน เพิ่มดัชนีด้านสุขภาพและ การเจ็บป่วยของผู้สูงอายุ ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้สูงอายุในท้องถิ่น/ชุมชนทั้งด้านสุขภาพ สวัสดิการ และการเงิน เป็นต้น และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
2. ต่อมา พม. (กรมกิจการผู้สูงอายุ) ได้ปรับปรุงดัชนีชี้วัดแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2545 ? 2565) ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2561 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันตามมติสภาพัฒนาฯ และได้ปรับชื่อแผนเป็นแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 2ฯ พ.ศ. 2563 ซึ่งคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) ในการประชุมครั้งที่ 4/2563 เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ได้เห็นชอบด้วยแล้ว
3. แผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 2ฯ พ.ศ. 2563 มีสาระสำคัญ สรุปได้ ดังนี้

3.1 วัตถุประสงค์

(1) เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยการดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่า มีศักดิ์ศรี พึ่งพาตนเองได้และมีหลักประกันที่มั่นคง

(2) เพื่อสร้างจิตสำนึกให้สังคมไทยตระหนักถึงผู้สูงอายุในฐานะบุคคลที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวมและส่งเสริมให้คงคุณค่าไว้ให้นานที่สุด

(3) เพื่อให้ประชากรทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมการ และ มีการเตรียมความพร้อมเพื่อการเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ

(4) เพื่อให้ประชาชน ครอบครัวและชุมชน ท้องถิ่น องค์กรภาครัฐและเอกชน ตระหนักและมีส่วนร่วมในภารกิจด้านผู้สูงอายุ

(5) เพื่อให้มีกรอบและแนวทางการปฏิบัติงานเกี่ยวกับผู้สูงอายุสำหรับ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอันจะนำไปสู่การบูรณาการงานด้านผู้สูงอายุ

3.2 แผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 2ฯ พ.ศ. 2563 ประกอบด้วย 5 ยุทธศาตร์ 18 มาตรการ และดัชนีรวม 60 ดัชนี สรุปได้ ดังนี้

ยุทธศาสตร์และมาตรการที่สำคัญ

ยุทธศาสตร์ที่ 1 ด้านการเตรียมความพร้อมของประชากรเพื่อวัยสูงอายุที่มีคุณภาพ (3 มาตรการ)

(1) หลักประกันด้านรายได้เพื่อวัยสูงอายุ เช่น ขยายหลักประกันชราภาพให้ครอบคลุมถ้วนหน้า ส่งเสริมและสร้างวินัยการออมทุกช่วงวัย เป็นต้น

ดัชนีที่สำคัญและค่าเป้าหมายในปี พ.ศ. 2565 เช่น

  • อัตราครอบคลุมการประกันยามชราภาพภาคสมัครใจกับภาคบังคับในประชากรอายุ 30 ? 59 ปี ร้อยละ 80
  • อัตราเงินออมภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • สัดส่วนของประชากรอายุ 25 ? 59 ปี ที่มีการออมเพียงพอเพื่อวัยสูงอายุ ร้อยละ 60 (เพิ่มดัชนีตามมติสภาพัฒนาฯ)

(2) การให้การศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต เช่น ส่งเสริมการเข้าถึงและพัฒนาการจัดบริการการศึกษาและการเรียนรู้ต่อเนื่อง รณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงความจำเป็นของการเตรียมเข้าสู่การเป็นผู้สูงอายุ เป็นต้น

ดัชนีที่สำคัญและค่าเป้าหมายในปี พ.ศ. 2565 เช่น

  • สัดส่วนประชากรอายุ 18 ? 59 ปี ที่มีความรู้ด้านวงจรชีวิต กระบวนการชรา และความรู้ดานการเตรียมการเพื่อวัยผู้สูงอายุ ร้อยละ 95
  • มีรายวิชาเลือกหรือกิจกรรมดูแลสุขภาพและพฤติกรรมอนามัยเพื่อการเป็นผู้สูงอายุในอนาคตในสถานศึกษาในระบบ

(3) การปลูกจิตสำนึกให้คนในสังคมตระหนักถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของผู้สูงอายุ เช่น ส่งเสริมให้ประชาชนทุกวัยเรียนรู้และมีส่วนร่วมในการดูแลรับผิดชอบผู้สูงอายุในครอบครัวและชุมชน รวมถึงส่งเสริมให้มีกิจกรรมสัมพันธ์ระหว่างผู้สูงอายุกับคนทุกวัย เป็นต้น

ดัชนีที่สำคัญและค่าเป้าหมายในปี พ.ศ. 2565 เช่น

สัดส่วนทัศนคติทางบวกต่อผู้สูงอายุในประชากรอายุ 18 ? 59 ปี ร้อยละ 90

ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านการส่งเสริมและพัฒนาผู้สูงอายุ (6 มาตรการ)

(1) ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันการเจ็บป่วย และดูแลตนเองเบื้องต้น เช่น จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพในรูปแบบที่หลากหลาย เป็นต้น

ดัชนีที่สำคัญและค่าเป้าหมายในปี พ.ศ. 2565 เช่น

  • สัดส่วนประชากรสูงอายุที่มีพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ ร้อยละ 50

(2) ส่งเสริมการรวมกลุ่มและสร้างความเข้มแข็งขององค์กรผู้สูงอายุ เช่น ส่งเสริมการจัดตั้งและดำเนินงานชมรมผู้สูงอายุและเครือข่าย เป็นต้น

ดัชนีที่สำคัญและค่าเป้าหมายในปี พ.ศ. 2565 เช่น

  • สัดส่วนของชุมชนที่มีชมรมผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • สัดส่วนชมรมผู้สูงอายุที่มีการจัดกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอในรอบ 1 ปี (อย่างน้อย 1 ครั้ง ทุก 3 เดือน หรือ 4 ครั้งต่อปี)
  • สัดส่วนของงบประมาณขององค์กรปกครองท้องถิ่น/กรุงเทพมหานคร/เมืองพัทยาที่ใช้สำหรับกิจกรรมด้านผู้สูงอายุหรือเพื่อผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

(3) ส่งเสริมด้านการทำงานและการหารายได้ของผู้สูงอายุ เช่น การทำงานทั้งเต็มเวลาและไม่เต็มเวลาทั้งในระบบและนอกระบบ ส่งเสริมการรวมกลุ่มในชุมชนเพื่อจัดทำกิจกรรมเสริมรายได้ โดยให้ผู้สูงอายุสามารถมีส่วนร่วม เป็นต้น

ดัชนีที่สำคัญและค่าเป้าหมายในปี พ.ศ. 2565 เช่น

  • สัดส่วนประชากรผู้สูงอายุที่พึงพอใจสถานะการเงินของตนเอง ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 90
  • ร้อยละ 75 ของผู้สูงอายุมีความพร้อมด้านสุขภาพ ต้องการทำงานแต่ไม่มีงานทำ (เพิ่มดัชนีตามมติสภาพัฒนาฯ)

(4) สนับสนุนผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ เช่น ประกาศเกียรติคุณผู้สูงอายุที่เป็นตัวอย่างที่ดีของสังคม ส่งเสริมให้เกิดคลังปัญญากลางของผู้สูงอายุเพื่อรวบรวมภูมิปัญญาในสังคม เป็นต้น

ดัชนีที่สำคัญและค่าเป้าหมายในปี พ.ศ. 2565 เช่น

  • จำนวนองค์กรที่มีการประกาศเกียรติคุณผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

(5) ส่งเสริมสนับสนุนสื่อทุกประเภทให้มีรายการเพื่อผู้สูงอายุและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้รับความรู้และสามารถเข้าถึงข่าวสารและสื่อ เช่น ส่งเสริมการผลิต การเข้าถึงสื่อและการเผยแพร่ข่าวสารสำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น

ดัชนีที่สำคัญและค่าเป้าหมายในปี พ.ศ. 2565 เช่น

  • สัดส่วนของผู้สูงอายุที่ได้รับข้อมูลข่าวสารสำหรับผู้สูงอายุผ่านสื่อในระยะ 1 เดือน ร้อยละ 80
  • สัดส่วนของรายการที่ออกอากาศเกี่ยวกับผู้สูงอายุที่ผ่านสื่อสาธารณะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

(6) ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น ให้ความรู้แก่ครอบครัวและผู้สูงอายุในการปรับปรุงที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับความต้องการในวัยสูงอายุ กำหนดมาตรการแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อสร้าง/ปรับปรุงที่อยู่อาศัย และระบบสาธารณูปโภคสำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น

ดัชนีที่สำคัญและค่าเป้าหมายในปี พ.ศ. 2565 เช่น

  • สัดส่วนของผู้สูงอายุที่อาศัยในบ้านมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ยุทธศาสตร์ที่ 3 ด้านระบบคุ้มครองทางสังคมสำหรับผู้สูงอายุ (4 มาตรการ)

(1) คุ้มครองรายได้ เช่น ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุทุกคนได้รับสวัสดิการด้านรายได้พื้นฐานที่รัฐจัดให้ การจัดตั้งกองทุนในชุมชนสำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น

ดัชนีที่สำคัญและค่าเป้าหมายในปี พ.ศ. 2565 เช่น

  • สัดส่วนของผู้สูงอายุที่ได้รับรายได้ที่รัฐจัดให้เป็นรายเดือน ร้อยละ 95
  • สัดส่วนของชุมชนที่มีกองทุนที่มีวัตถุประสงค์ครอบคลุมกลุ่มผู้สูงอายุ ร้อยละ 60

(2) หลักประกันด้านสุขภาพ เช่น พัฒนาและส่งเสริมระบบประกันสุขภาพที่มีคุณภาพเพื่อผู้สูงอายุทุกคน ส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางสุขภาพและการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างทั่วถึง เป็นต้น

ดัชนีที่สำคัญและค่าเป้าหมายในปี พ.ศ. 2565 เช่น

  • สัดส่วนประชากรผู้สูงอายุที่ใช้ระบบประกันสุขภาพในการเจ็บป่วย ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95
  • สัดส่วนของผู้สูงอายุที่ได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีร้อยละ 90

(3) ด้านครอบครัว ผู้ดูแล และการคุ้มครอง เช่น ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้อยู่กับครอบครัวให้นานที่สุด ส่งเสริมสมาชิกในครอบครัวและผู้ดูแลให้มีศักยภาพในการดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น

ดัชนีที่สำคัญและค่าเป้าหมายในปี พ.ศ. 2565 เช่น

  • สัดส่วนประชากรสูงอายุที่อยู่กับครอบครัวมากกว่าร้อยละ 90
  • สัดส่วนผู้ดูแลที่มีความรู้ในการดูแล (โภชนาการ การแก้ไขปัญหาเวลาเจ็บป่วยเฉียบพลัน) ต่อผู้ดูแลทั้งหมดของผู้สูงอายุที่ออกจากบ้านไม่ได้ ร้อยละ 95

(4) ระบบบริการและเครือข่ายการเกื้อหนุน เช่น ปรับปรุงบริการสาธารณะทุกระบบให้สามารถอำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรทางศาสนา องค์กรเอกชน และองค์กรสาธารณะประโยชน์มีส่วนร่วมในการดูแลจัดสวัสดิการเพื่อผู้สูงอายุโดยกระบวนการประชาคม เป็นต้น

ดัชนีที่สำคัญและค่าเป้าหมายในปี พ.ศ. 2565 เช่น

  • สัดส่วนของผู้สูงอายุที่พึงพอใจต่อระบบบริการสาธารณะทุกระบบ ร้อยละ 80
  • สัดส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการจัดงบประมาณและ/หรือกิจกรรมเพื่อผู้สูงอายุร้อยละ 95

ยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการบริหารจัดการเพื่อการพัฒนางานด้านผู้สูงอายุอย่างบูรณาการระดับชาติ และการพัฒนาบุคลากรด้านผู้สูงอายุ (2 มาตรการ)

(1) การบริหารจัดการเพื่อการพัฒนางานด้านผู้สูงอายุอย่างบูรณาการระดับชาติ เช่น เสริมสร้างความเข้มแข็ง กผส. ให้สามารถผลัดดันนโยบายและภารกิจที่สำคัญด้านผู้สูงอายุสู่การปฏิบัติ พัฒนาศักยภาพของเครือข่ายในระดับจังหวัดและท้องถิ่น เป็นต้น

ดัชนีที่สำคัญและค่าเป้าหมายในปี พ.ศ. 2565 เช่น

  • ทุกหน่วยงานหลักด้านผู้สูงอายุรายงานความก้าวหน้าต่อที่ประชุม กผส. อย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี
  • มีกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของเครือข่ายในระดับจังหวัดและท้องถิ่นทุกจังหวัดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

(2) ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านผู้สูงอายุ เช่น สนับสนุนการผลิตหรือฝึกอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุอย่างเพียงพอและมีมาตรฐาน เป็นต้น

ดัชนีที่สำคัญและค่าเป้าหมายในปี พ.ศ. 2565 เช่น

  • จำนวนของบุคลากรด้านผู้สูงอายุที่ได้รับการผลิตหรือฝึกอบรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ยุทธศาสตร์ที่ 5 ด้านการประมวล พัฒนา และเผยแพร่องค์ความรู้ด้านผู้สูงอายุ และการติดตามประเมินผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 2 (3 มาตรการ)

(1) สนับสนุนและส่งเสริมการวิจัย และพัฒนาองค์ความรู้ด้านผู้สูงอายุสำหรับการกำหนดนโยบายและการพัฒนาการบริการหรือการดำเนินการที่เป็นประโยชน์แก่ผู้สูงอายุ

ดัชนีที่สำคัญและค่าเป้าหมายในปี พ.ศ. 2565 เช่น

  • จำนวนโครงการและ/หรืองบประมาณของการศึกษาวิจัยด้านผู้สูงอายุของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

(2) ดำเนินการให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุระยะที่ 2 ที่มีมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง

ดัชนีที่สำคัญและค่าเป้าหมายในปี พ.ศ. 2565 เช่น

  • แผนผู้สูงอายุแห่งชาติได้รับการติดตาม และประเมินผลได้มาตรฐานอย่างน้อย ทุก 5 ปี

(3) พัฒนาระบบข้อมูลทางด้านผู้สูงอายุให้ถูกต้องและทันสมัย โดยมีระบบฐานข้อมูลที่สำคัญด้านผู้สูงอายุที่ง่ายต่อการเข้าถึงและสืบค้น

ดัชนีที่สำคัญและค่าเป้าหมายในปี พ.ศ. 2565 เช่น

  • มีฐานข้อมูลด้านผู้สูงอายุที่สำคัญทุกปีและมีการปรับปรุงฐานข้อมูลอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง

ดัชนีรวมของยุทธศาสตร์

  • อายุคาดหวัง* ที่ดูแลตนเองได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • สัดส่วนอายุคาดหวังที่ยังดูแลตนเองได้** ต่ออายุคาดหวังมีสัดส่วนไม่ลดลง
  • ดัชนีวัดความสุขของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • ดัชนีคุณภาพภาวะประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หมายเหตุ : *อายุคาดหวัง หมายถึง จำนวนเฉลี่ยของประชากรที่คาดหวังว่าจะมีชีวิตต่อไปได้

**อายุคาดหวังที่ยังดูแลตัวเองได้ หมายถึง จำนวนปีเฉลี่ยของประชากรที่คาดหวังว่าจะอยู่ในสถานที่ ทำกิจวัตรประจำวันพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขลักษณะส่วนตัว ประกอบด้วย การรับประทานอาหาร การทำความสะอาดบนใบหน้า การเคลื่อนย้ายจากนอนมานั่ง การเข้าใช้ห้องสุขา การสวมใส่เสื้อผ้า และการอาบน้ำ

ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ